ดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจมากไม่ทราบหันหน้าไปปรึกษาใคร แม้แต่พ่อแม่ดิฉันก็ไม่กล้าปรึกษากลัวท่านเสียใจ แม่ดิฉันก็เป็นโรคหัวใจ เรื่องคือดิฉันได้แต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับสามี เมื่อปี 2534 ปัจจุบันดิฉันอายุ 42 ปี สามี อายุ 68 ปี ปัจจุบันมีบุตร 2 คน ตลอดการแต่งงานดิฉันไม่เคยทำตัวเป็นภรรยาที่ไม่ดี ไม่เคยสร้างหนี้สิน ประหยัด จนสามารถมีบ้าน (เป็นชื่อสามี ) รถยนต์ 2 คัน ( เป็นชื่อดิฉัน )ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ แต่งงานโดยไม่ทราบว่าเขายังไม่ได้หย่ากับภรรยาคนเดิม แต่แยกกันอยู่และไม่ได้ติดต่อกัน ตั้งแต่ ปี 2525 สามีและญาติทางสามีเล่าให้ดิฉันฟังหลังจากที่ดิฉันทราบความจริงว่าเขายังไม่ได้หย่า ภรรยาเขาไปสร้างหนี้สินไว้มากสามีทำงานต่างจังหวัดส่งเงินให้ใช้จ่ายก็ไม่พอ ภรรยาไปค้ำประกันเช็คให้ญาติซึ่งทำธุรกิจ แล้วเช็คเด้งทำให้ถูกจับ ภรรยาเขาในฐานะผู้ค้ำก็โดนด้วย สามีต้องไปกู้เงินมาประกันตัว เพราะกลัวลูกที่เกิดกับภรรยาเก่า 2 คนซึ่งกำลังเรียนจะมีปัญหาแล้วเรียนไม่จบ ทำให้สามีมีหนี้สินติดตัวหลายแสนบาทต้องถูกหักเงินเดือนใช้หนี้ และยังส่งเสียลูก 2 คนจนจบปริญญา เงินเดือนสามีไม่เคยเหลือทั้งๆที่ทำงานรัฐวิสาหกิจเงินเดือนหลายหมื่นบาท แต่ไม่เคยให้เงินดิฉันใช้เลย เขาจะรับผิดชอบเรื่องนมและค่าใช้จ่ายของลูกเท่านั้น ดิฉันรับราชการจึงไม่เดือดร้อน มาทราบภายหลังว่าดิฉันจดทะเบียนซ้อนเราทะเลาะกันจึงไปหย่ากันเมื่อมีบุตรคนที่ 1 ปี 2537 ต่อมามีเหตุที่ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันเนื่องจากดิฉันเกิดท้องบุตรคนที่ 2 ปี ระหว่างที่อยู่ด้วยกันสามีได้ซื้อที่ดินและปลูกบ้านอยู่ที่จังหวัดที่สามีทำงาน โดยที่เป็นชื่อของสามีคนเดียวภรรยาเขาไม่ทราบ ส่วนดิฉันทำงานอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง อาศัยอยู่กับพ่อแม่ตนเอง ปี 2540 สามีเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำต้องผ่าตัดสมอง รักษาตัวเป็นครึ่งปี พี่สาวสามีมาช่วยดิฉันดูแลจนสามีอาการดีขึ้น ภรรยาเขาทราบก็ไม่เคยมาเยี่ยมหรือติดต่อใดๆ ลูกๆเขา 2 คนมาเยี่ยมพ่อ 2 ครั้งครั้งแรกตอนอยู่ ไอซี ยู ครั้งที่ 2 ตอนพักฟื้นที่บ้านดิฉัน มาเยี่ยมเช้า เย็นบินกลับ หลังจากนั้นปี 2541 สามีลาออกจากงานก่อนเกษียณอายุได้เงินมาหักหนี้แล้วเหลือเงิน ไม่ถึงล้านบาท ทั้งที่ยอดที่ได้เกือบ 2 ล้านภรรยาเขาทราบจึงมาขอหย่าสามีก็ไปตามนัด ปี 2541 นี้ ดิฉันได้จดทะเบียนสมรสกับสามีอีกครั้งเพราะต้องการให้สามีใช้สิทธิสวัสดิการของดิฉัน ปี่ 2547 สามีไปทำงานต่างจังหวัด เดือนหนึ่งกลับมาบ้านครั้งหนึ่งดิฉันมาทราบเมื่อปลายปี 2549 ว่าสามียังไม่ได้หย่ากับภรรยาเดิมเขาเพราะภรรยาเขาต้องการเงินค่าเซ็นหย่า 1 ล้านบาทสามีเห็นว่าเกินไปจึงไม่ให้ก็เลยไม่ได้หย่า ดิฉันจึงจดทะเบียนหย่ากับสามีอีกครั้ง หลังจากนั้นสามีได้ไปฟ้องหย่าภรรยาเขาและน้องชายภรรยาเขาบอกสามีว่า ขอเงิน 2 แสน แล้วจะหย่าให้สามีก็พยายามหาเงินกู้มาบ้าง ยืมญาติบ้าง จะได้สิ้นสุดกันแต่ญาติสามีเกิดเสียดายเงินให้เก็บไว้ให้ลูกอีกสองคนไว้เรียนหนังสือดีกว่า เพราะสามีก็อายุมากแล้วทำงานอีก 1 ปีก็จะหมดสัญญาจ้าง ลำพังเงินเดือนดิฉันแทบไม่พอใช้เพราะดิฉันต้องเลี้ยงดูพ่อและแม่อีก จึงไม่ให้ ทางภรรยาเขาตั้งทนายสู้หาว่าสามีแจ้งความเท็จ มารู้ภายหลังว่าทนายความที่สามีไปว่าจ้างนั้นเขียนเหตุฟ้องเป็นว่าฝ่ายภรรยาเขาทิ้งร้างไป ไม่ไช่แยกกันอยู่ สามีไม่รู้ข้อกฎหมาย บอกว่าไปปรึกษาแล้วทนายบอกฟ้องได้ก็เอาเอกสารให้เซ็นชื่อโดยที่ไม่เคยเอาสำนวนเหตุฟ้องหย่าให้อ่าน บอกว่าเขาจะจัดการให้เองทั้งหมด ขอค่าดำเนินการ 3 หมื่นบาท สามีอยากให้เรื่องมันจบโดยเร็วจ่ายเงินไปเรียบร้อย มาอ่านสำนวนฟ้องก่อนที่ศาลจะนัดไปไกล่เกลี่ย ถึงรู้ว่าทนายยื่นว่าเหตุฟ้องหย่าไม่ไช่ตามที่เป็นจริง สู้ไปก็แพ้ เลยถอนฟ้อง เสียเงินไปเปล่าๆเพราะความไม่รู้กฎหมายจนป่านนี้สามีก็ยังอยู่ต่างจังหวัด หาเงินใช้หนี้และส่งค่าใช้จ่ายของลูกๆ ดิฉันสงสารสามีมากที่ยังไปทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัว และเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูก ดิฉันขอเรียนถามดังนี้
1. สามีสามารถฟ้องหย่าภรรยาเขาได้หรือไม่ โดยใช้เหตุว่าแยกกันอยู่เกิน 3 ปี และภรรยาเขาก็ไม่เคยมาดูแลกันยามเจ็บป่วย
2. ดิฉันไม่ทราบว่าเขายังไม่ได้หย่า ดิฉันมีความผิดหรือไม่ที่จดทะเบียนซ้อน ภรรยาเขาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากดิฉันได้หรือไม่
3. ภรรยาเขาทราบว่าสามีมีดิฉันและมีลูกด้วยกันเขาไม่เคยติดตามเป็นข้ออ้างว่าเขายินยอมให้สามีมีหญิงอื่นหรือไม่
4. ดิฉันถือเป็นผู้เสียหายได้หรือไม่เนื่องจากดิฉันถูกหลอกทำให้ได้รับความอับอาย หรือว่าถือว่าดิฉันโง่เอง กฎหมายไม่ให้ความคุ้มครองคนที่อยู่ในฐานะอย่างดิฉัน บ้างหรือคะ
3. บ้านที่เป็นชื่อของสามี สามีจะยกให้บุตรทั้งสองที่เกิดกับดิฉันจะได้หรือไม่คะ บุตรคนแรกเกิดขณะสมรสซ้อน คนที่ 2 ไม่ได้จดทะเบียน แต่สามีไปแจ้งเกิดด้วยตนเอง
4. สามีจะขายบ้านนั้นจะได้หรือไม่คะ เงินส่วนหนึ่งสามียืมพี่สาวสามีมาสร้าง แต่เป็นชื่อสามีคนเดียว
5. ดิฉันสามารถเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรกับสามีได้หรือไม่ การสมรสระหว่างดิฉันเป็นโมฆะ ไม่ต้องหย่าก็ถือว่าไม่มีสิทธิไช่หรือไม่
6. สามีบอกว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ไปอยู่กับลูกทางโน้นเพราะลูกเขาก็ไม่เคยติดต่อพ่อเขาอีกเลยหลังจากที่ขอเงินพ่อไปซื้อรถไม่ได้ (ลูกสาว ) ลูกชายแต่งงานจัดงานใหญ่โตไม่บอกพ่อ พ่อทราบจากอาของลูก ก่อนสามีเสียชีวิตสามารถทำหนังสือมอบให้ใครเป็นผู้จัดการศพได้หรือไม่
7. ดิฉันยังคงใช้นามสกุลสามีได้หรือไม่ โดยที่สามีและพี่น้องสามียินยอม เนื่องจากดิฉันไม่อยากให้พ่อแม่และลูกดิฉันทราบ รวมทั้งดิฉันอายเพื่อน คนที่ทำงาน และเกิดการยุ่งยากในการเปลี่ยนแปลงเอกสาร บัตรต่างๆด้วย
สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบพระคุณอาจารย์ที่จะกรุณาตอบ ให้ดิฉันคลายทุกข์ไปได้บ้าง
คนทุกข์ใจ