เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ

ผมไปคัดค้านการของรังวัดที่ดินเพื่อแบ่งแยกของที่ข้างเคียง(สมมุติว่าชื่อนาย ก.) เนื่องจากรุกล้ำเข้ามา และผมได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนาย ก. กับทางพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุแล้วในข้อหานำเจ้าพนักงานมาปักหมุดเขตที่ดินรุกล้ำ และได้ถ่ายรูปหมายเลขหมุดดังกล่าวไว้ด้วย(ขณะนี้ หน.เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการถอดหมุดออกแล้ว โดยการดึง(ถอน)ออก)

นาย ก. ได้ดำเนินการทางศาลโดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำคัดค้านดังกล่าว ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของศาล  ขั้นไกล่เกลี่ย ยังมิได้มีการสืบพยานโจทก์ หรือจำเลยแต่อย่างไร  ตอนนี้ นาย ก. ได้ถึง แก่กรรม และมีการแต่งตั้งนาย ข. ซึ่งเป็นบุตรชาย มาเป็นผู้จัดการมรดกรวมทั้งที่ดินที่เกิดกรณีพิพาทดังกล่าวด้วย

ขออนุญาตตั้งคำถามเลยนะครับ

๑.                        ทางกระผมสามารถจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษทางผู้จัดการมรดก คือนาย ข. ต่อพนักงานสอบสวน ในข้อหาเดิม กับนาย ก. ได้หรือไม่หรือในข้อหาอื่น  ถ้าได้ ต้องดำเนินการอย่างไร (ขอทราบขั้นตอนและวิธีการ) ถ้าไม่ได้ควรต้องดำเนินการอย่างไร และมีวิธีการใดบ้างเนื่องจากมีเจตนาบุกรุกอย่างชัดเจนอยากให้ได้รับโทษทางอาญาบ้างจะได้เข็ดหลาบ และนาย ก. ก็ได้รับการยุยงจากนาย ข. และญาติ(ทางนาย ข. และญาติค่อนข้างมีฐานะดี)

๒.                      ขั้นไกล่เกลี่ย ที่ดินที่พิพาทอยู่ต่างจังหวัดการเดินทางไปมีค่าใช้จ่ายสูง กระผมไม่ไปจะมีความผิดหรือไม่ ทนายบอกว่าศาลนัด(ทนายขอแรงเป็นญาติห่าง ๆ) (ครั้งแรก 26 มีนาคม 50 กระผมไม่ไป ขอให้ทนายเลื่อน ครั้งที่ 2 วันที่ 25 เม.ย. 50 ที่จะถึงนี้) ไกล่เกลี่ยก็คงจะไม่เป็นผล เนื่องจากได้พูดคุยกันมาพอสมควร อยากให้ศาลดำเนินการไปเลย

ท้ายที่สุดนี้กระผมขอให้อาจารย์มีชัย และทีมงานจงประสพแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ และแข็งแรง

เรียน ผู้ถูกรังแก

   1. การที่เขาฟ้องคุณก็แสดงว่าเขาเข้าใจว่าที่ดินส่วนนั้นเป็นของเขา และการกระทำนั้นเป็นการกระทำของผู้ตาย  ผู้จัดการมรดกจึงอาจขาดเจตนาในการบุกรุกได้

  2. ศาลที่ที่จะตัดสินข้อพิพาททั้งปวง ถ้าคุณไม่ไป ก็แปลว่าคุณไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร ศาลอาจฟังพยานฝ่ายเดียวแล้วตัดสินให้คุณแพ้ได้