ทำนิติกรรมโดยภรรยาไม่ทราบ ผิดหรือไม่
ดิฉันเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย อยู่กทม.เพื่อดูแลบ้านและบุตรที่กำลังเรียน 2คน โดยสามีจบปริญญาโทไปเปิดสำนักงานบัญชี รับทำบัญชีให้บริษัทฝรั่ง ที่พัทยาโดยทำส่วนตัวไม่ได้จดห้างร้านหรือบริษัท มีลูกน้อง 5คน เลขา 1คนที่ต้องมีเลขาเพราะสามีจะต้องกลับบ้านที่กทม.ในคืนวันพุธและคืนวันศุกร์ เพื่อมาดูแลดิฉันและลูกๆ วันจันทร์ก็ไปสำนักงาน เวลากลับมาก็จะเล่าเรื่องงานและปัญหาต่างๆที่เจอะเจอให้ดิฉันและลูกๆฟัง และในวันพุธไหนที่เขางานมากดิฉันก็จะพาลูกๆ ไปหาและทานข้าวกับเขาและก็ขับรถกลับกทม.เป็นอย่างนี้มาได้ประมาณ 3 ปีจนกระทั่งปี2546 สามีได้ขยายสำนักงาน และในปี2549 ก็ได้ย้ายสำนักงานใหม่ขยายงานอีกครั้งและมีลูกน้องเพิ่มขึ้นประมาณ11คนทั้งไทยและฝรั่ง โดยดิฉันไม่ได้รับทราบเลยทั้ง2ครั้ง และดิฉันก็ไม่ได้ไปพัทยาเลยตั้งแต่ปี46 เพราะลูกคนเล็กจะขึ้นม.4 และคนโตก็มีปัญหาเรื่องวิชาที่เรียนในมหาวิทยาลัย ดิฉันต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดทั้ง2คนและต้องขับรถรับส่งลูกด้วย
ดิฉันได้ทราบเรื่องการกระทำทั้งหมดประมาณปลายปี49 นี่เองค่ะโดยมีคนโทรมาเล่าให้ฟังดิฉันถามสามีเขาก็ยอมรับ แต่ไม่ยอมให้ดิฉันกับลูกไปดูว่าอยู่ตรงไหน ต่อมาต้นปี50มีคนส่งเอกสารการจดคณะบุคคลระหว่างสามีและเลขามาให้โดยในรายละเอียดเป็นหุ้นส่วนลงนามได้ทั้ง2คนผลประโยชน์แบ่งครึ่งกัน รูปถ่ายคู่หลายรูป เปิดบัญชีธนาคารร่วมกัน ให้สิทธิ์ในการปกครองและเก็บทรัพย์สิน เงินสด มีกระทั่งเอกสารที่สามีให้ปลอมลายเซ็นต์ของสามีได้ เบอร์โทรมือถือเหมือนกันต่างกันแค่1ตัว สรุปจากเอกสารที่ส่งมาคือมีการผิดศีลธรรมกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่เรื่องเปิดเผยเราทะเลาะกันมาตลอด ดิฉันผิดหวังและตกใจมากๆ เพราะเชื่อใจมาตลอด เพิ่งทำใจและตั้งหลักได้ไม่ถึงเดือนมานี่เองค่ะพร้อมกับมีปัญหาที่ค้างคาในใจที่อยากทราบดังนี้ค่ะ
1.ดิฉันเพิ่งทราบว่าสำนักงานเขารับโอนที่ดิน และรับจดจัดตั้งบริษัท เพื่อให้ฝรั่งสามารถซื้อคอนโดได้โดยร่วมมือกับเจ้าของคอนโด มีสามีและเลขาพร้อมลูกน้องในสำนักงานเป็นผู้ถือหุ้น มีอยู่ประมาณ300กว่าบริษัท สามีไม่เคยบอกดิฉันและไม่เคยให้ดิฉันเซ็นต์ยินยอมในฐานะคู่สมรสในเอกสารใดใด เขาสามารถทำได้หรือคะทั้งการเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ และในการทำนิติกรรมในการรับมอบอำนาจในการโอนที่ดินต่างๆ
2.ดิฉันและลูกสาว2คน เพิ่งไปสำนักงานสามีมาเมื่อ2สัปดาห์ก่อน ดิฉันเข้าไปคนเดียวไม่ได้ให้ลูกเข้าไปด้วยเพราะกลัวมีเรื่องกันเนื่องจากลูกสาวโกรธพ่อมาก เลขาสามีไล่ไม่ให้ดิฉันเข้าบอกดิฉันไม่มีสิทธิในสำนักงานนี้ เขาและสามีดิฉัน2คนเท่านั้นที่เป็นเจ้าของจะแจ้งตำรวจว่าดิฉันบุกรุกสำนักงานของเขา ดิฉันถามสามีว่าดิฉันไม่มีสิทธิจริงหรือเขาก็เฉย ดิฉันเลยสงสัยว่าเขาสามารภแจ้งตำรวจได้หรือคะ และดิฉันไม่มีสิทธิในสำนักงานนี้จริงๆ หรือคะ
3.การที่สามีไปจดจัดตั้งคณะบุคคลกับเลขา2 คนโดยให้สิทธ์เท่าเทียมกับเขา และให้ดูแลเงินสดและตู้เซฟเก็บเอกสารโฉนดต่างๆ เป็นผู้มีอำนาจสั่งการในสำนักงานเช่นสามี ถือเป็นการยักยอกสินสมรสส่วนที่ควรจะเป็นของดิฉันไปให้ผู้หญิงอื่นหรือไม่คะ สามีมีสิทธิทำได้หรือไม่คะ ผิดหรือไม่คะ
4.ญาติผู้ใหญ่ของดิฉันทราบเรื่องก็จะให้ดิฉันฟ้องหย่าสามี และฟ้องเลขาว่าละเมิดในการเป็นภรรยาของดิฉัน และถ้าค้นหาหลักฐานการปลอมแปลงเอกสารลายมือดิฉันก็ให้ฟ้องอีก จะทำอย่างไรดีคะ
5.ดิฉันสงสารลูกๆมาก เขาภูมิใจในตัวพ่อของเขามาตลอด และดิฉันก็เครียดเป็นอย่างมาก ตอนนี้เครียดกันไปหมดทั้งแม่ลูกแล้วค่ะ เราไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี ทางญาติผู้ใหญ่ฝ่ายสามีก็ขอให้ดิฉันและลูกให้เวลาสามีซัก 6เดือนว่าจะทำอย่างไรต่อแล้วค่อยว่ากันใหม่ ดิฉันไม่ทราบว่าจะทำตามฝ่ายไหนดีค่ะ กฏหมายของครอบครัวข้อไหนบ้างคะที่สามารถปกป้องคุ้มครองดิฉันและลูกได้
6.และตอนนี้สามีก็เป็นบุคคลล้มละลายประกาศมาได้2เดือนแล้วค่ะถูกฟ้องในฐานะผู้ค้ำจากการทำงานกับบิดาของเขา ญาติทั้งสองฝ่ายได้ให้ดิฉันไปตรวจสอบดูว่าสามีได้โอนทรัพย์สินอะไรทางพัทยาไปให้เลขาแล้วบ้าง ดิฉันไม่ทราบว่าจะตรวจสอบอย่างไร เพราะดิฉันไมเคยทราบว่าเขามีทรัพย์สินอะไรบ้าง ทุกอย่างดิฉันให้เขาจัดการหมดทุกอย่างดิฉันรับผิดชอบดูแลลูกทำงานบ้านเท่านั้นค่ะ ดิฉันจะทราบเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นมรดกและเงินสดที่ดิฉันเก็บสะสมส่วนของดิฉันเท่านั้นค่ะนี่ก็ไม่ทราบว่าจะถูกยึดหรือเปล่านะคะ เพราะไม่ทราบว่าผู้ยึดเขามีกฎเกณฑ์แยกออกอย่างไรว่าเป็นเงินของดิฉันหรือของสามีหรือของลูก
7.ทำไมสำนักงานของเขาถึงไม่ถูกยึดคะทั้งทีโจทก์ก็ทราบและยังติดต่อกัน (สามีบอกค่ะ)
ต้องกราบขอโทษอาจารย์ด้วยนะคะที่ข้อมูลมากมาย ดิฉันไม่ทราบว่าจะย่ออย่างไรกลัวจะขาดใจความสำคัญไปนะค่ะ แต่ในใจจริงๆแล้วก็ยังอยากเล่าอะไรอีกมากมายที่คับข้องใจสงสัยแต่จะกลายเป็นถาม-ตอบปัญหาชีวิตไปมากกว่านี้น่ะค่ะ
ขอบพระคุณอีกครั้งที่อ่านmailของดิฉันจนจบอาจจะสับสนไปบ้างนะคะ |