 | ข้าราชการโดนฟ้องล้มละลายครับ
ตอนนี้ผมโดนฟ้องล้มละลายเนื่องจากเมื่อปี42 กระผมจำนองบ้านและที่ดินกับธนาคารแห่งหนึ่งโดยกู้ร่วมกับมารดาในวงเงิน 1ล้านบาทโดยระหว่างนั้นก็ชำระไปบ้างจนเหลือประมาณ 951,828.81 บาท จนโดนฟ้องยึดทรัพย์ครั้งที่1 เมื่อ 20 มกราคม 2542 ทำให้เป็นหนี้ 1,015,133.55 บาทซึ่งคิดดอกเบี้ยร้อยละ 18.5ต่อปี ซึ่งกระผมก็ไม่ได้จ่ายจากนั้นก็โดนบังคับคดียึดไปและขายทอดตลาดตั้งแต่ 15 มี.ค. 46 ซึ่งระหว่างนั้นธนาคารไม่ได้มีจดหมายแจ้งการขายทอดตลาดให้ลูกหนี้ทราบเลยว่าจะขายวันใด แต่แล้วก็มีสำนวนมาว่าธนาคารได้เป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา 1,450000 และได้ใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้(รับจำนองขอหักส่วนได้ใช้แทนราคาทรัพย์ได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 1,367,132บาท ซึ่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ทั้งหมดเมื่อคิดยอดหนี้ ณ วันขายทอดตลาด ปรากฏว่ายังค้างชำระอีก 670,936.83 บาท โดยถึงวันฟ้องนี้ซางหมายศาลนัดขึ้นศาลวันที่ 11 เม.ย. 50 คิดดอกเบี้ยร้อยละ 18.5 ต่อปี จากยอดเงินต้น 670,936.83 บาท นับแต่วันที่ 16 มี.ค. 46 (ซึ่งระหว่างนี้ไม่มีจดหมายแจ้งยอดหนี้นี้ให้กระผมกับมารดาทราบเลย นับถึงวันฟ้องนี้ เป็นดอกเบี้ย 496,833.32 บาท และค่าฤชาธรรมเนียมศาลจำนวน 31,555 บาท รวมยอดหนี้ค้างชำระตามคำพิพากษาคิดเป็นยอดหนี้ 1,199,325.15 บาท มีบางช่วงเวลาที่ธนาคารดึงเรื่องไม่ยอมประกาศขายทอดตลาดตั้งแต่แรกเพื่อหวังดอกเบี้ยช่วงนั้นเกือบเท่าตัวและอีกช่วงหนึ่งที่เป็นหนี้ 670,936.83 บาท ก็ไม่ยอมแจ้ง หากแจ้งกระผมอาจจะไปประนอมหนี้ก่อน ทำให้ผมเสียหายจากดอกเบี้ยมหาโหดเป็นเงินมากโขอยู่ กระผมเป็นข้าราชการด้วย ขณะนี้กลุ้มใจมากไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากจริงแล้วในช่วงบังคับคดียึดไปแล้ว รีบประกาศขายทอดตลาดก็ไม่น่าจะมีปัญหามาก ทั้งที่ธนาคารก็ประมูลซื้อเอง หรือว่าธาคารกลัวต้องคืนส่วนต่างให้กระผม แล้วช้อนซื้อเองเพื่อหวังทำกำไร ผมรู้ว่าเป็นหนี้ต้องใช้แต่ต้องใช้กับแผนของธนาคารอย่างนี้ผมยอมตายดีกว่า
ผมต้องขึ้นศาลวันที่ 11 เม.ย. 50 แต่ผมมอบอำนาจให้ทนายไปขึ้นแทน หากพิพากษาให้ล้มละลายจริงก็จะขออุทธรณ์ครับ |  |