ผู้จะซื้อที่ดินชำระเงินค่าที่ดินให้กับผู้จะขายบางส่วนโดยผู้ขายมีภาระอยู่กับกรมบังคับคดีต้องขายเพื่อชำระหนี้ธนาคารเป็นการปลดหนี้แล้วโอนกรรมสิทธิ ให้ผู้จะซื้อเมื่อเดือนธันวาคม2548(เพื่อใช้อัตราภาษีที่ยังไม่ปรับขึ้น)โดยผู้จะซื้อทำสัญญาจะชำระเงินที่ค้างอยู่ในเดือนมกราคมปี2549ทำสัญญากันไว้โดยผู้จะซื้อและผู้จะขายมีข้อตกลงกันเพื่อให้การโอนได้สมบูรณ์เนื่องจากผู้ซื้อต้องการนำที่ดินดังกล่าวไปทำการปลูกบ้านจัดสรรขาย และเพื่อให้กู้เงินธนาคารได้(ธนาคารไม่รับการใช้ที่ดินเปล่ามากู้เงิน)จึงทำสัญญาขายที่ดินและบ้านให้ผู้ซื้อด้วยในสัญญาที่ทำที่กรมที่ดินเป็นการตกลงกันปากเปล่าเพราะบ้านผู้ขายต้องการรื้อออกปลูกใหม่ในที่ดินที่เหลืออยู่จะได้ใช้อาศัยในยามเกษ๊ยณราชการอีกประการผู้จะซื้อทำสัญญาจะชำระเงินให้จึงตกลงไว้ใจทำการโอนที่ดินและบ้านดังกล่าวให้ไปเรียบร้อยเมื่อเดือนธันวาคม48
ผู้ขายเองได้เป็นพนักงาน(เฉพาะงานที่ตกลงเป็นบางวัน)อยู่กับผู้ซื้อด้วย ตั้งแต่ปี48 และปฏิบัติงานอยู่ด้วยจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเลยมาถึงปี50แล้วได้ทวงถามเงินที่เหลือ เพื่อนำมาใช้ตามที่สัญญากันไว้ แต่ผู้ซื้อที่เป็นนายทำเพิกเฉย และยังส่งผู้รับเหมาหลายคนเข้ามารื้อบ้านทำลายทรัพย์สิน(ตั้งแต่เวลา12-17น)เสืยหายจนอยู่ไม่ได้ (นำทรัพย์ออกขายกับรถซาเล้ง)โดยไม่บอกกล่าว ทั้งที่วันนั้นผู้ขายก็ไปทำงานที่บริษัท กลับมาเจอบ้านพังไปทั้งหลัง จึงไปแจ้งความไว้หวังให้ตำรวจติดตามคนทำผิดมาตกลงค่าเสียหาย และตืดต่อผู้ซื้อให้มาชดใช้ค่าเสียหายด้วย ปรากฏว่าไม่ยอมมาเพียงให้ลูกน้องที่นำผู้รับเหมามารื้อบ้านแจ้งว่าได้ขายบ้านให้เขาแล้วพร้อมที่ดิน ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรได้ แต่ผู้เสียหายแจ้งว่ามันมีสัญญาและมีเงื่อนไขกันอยู่เมื่อไม่จ่ายเงินที่ค้างมาจึงไม่มีเงินย้ายออก และผู้ซื้อยังเพิกเฉย ทำให้ผู้ขายที่ไม่มีที่อยู่และเสียทรัพย์ไปจำนวนมาก จึงได้ลาออกจากงานแล้ว
กรณีเช่นนี้เป็นการใช้ความได้เปรียบทางกฏหมายมาทำร้ายผู้ด้อยโอกาศกว่าและเป็นภัยร้ายแรงกับคนสุจริตที่เจตนาหากินโดยใช้ความรู้ความสามารถตามปรกติ หากการทำนิติกรรมกันที่กรมที่ดินนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วแต่ยังขาดความชอบธรรมดังเหตุผลที่ผมได้บรรยายมาเช่นนี้ จะเสนอร้องเรียนกับเจ้าพนักงานกรมที่ดินให้เพิกถอนสัญญาอันมิชอบนี้ได้หรือไม่เพราะเนื่องจากผู้ซื้อได้แสดงเจตนาแน่ว่าจะเอาที่ดินดังกล่าวไปขอทำการจัดสรรและกู้เงินธนาคารมาทำโครงการแล้วนำเงินมาให้ผู้ขาย โดยทำสํญญากันไว้และเพื่อให้ผู้จะซื้อสมประสงค์ดังกล่าวผู้จะขายจึงได้ตกลงโอนที่ดินให้ก่อน (มั่นใจว่าเมื่อมีสัญญาและยังทำงานอยู่ด้วย)แต่ผู้ซื้อขาดจริยธรรม และทารุณจิตใจผู้ขายดังกล่าวตลอดมา เคยมีคดีที่สามารถแก้ไขเพิกถอนการจดทะเบียนแบบนี้ได้ใหม?เพราะหากปล่อยคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ไว้คงต้องไปสร้างความเดือดร้อนกับผู้อื่นได้อีกต่อไปจะสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานใดได้ขอความกรุณาท่านอาจารย์ชี้แนะนำด้วยว่าจะดำเนินการอย่างใดได้บ้างครับ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูงครับ
มานพน้อย
ตามข้อเท็จจริงดูเหมือนเป็นเรื่องความเข้าใจของคุณ ผสมกับสิ่งที่ระบุในสัญญา ผสมกับสิ่งที่รับปากกันด้วยวาจา จนไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วสัญญาระบุกันอย่างไร ปัญหาของคุณเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ควรปรึกษากับทนายความ ไม่ควรอาศัยความรู้สึกแต่เพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้ยิ่งเสียหายยิ่งขึ้น