เมื่อต้นเดือนม.ค 50ที่ผ่านมาดิฉันได้รับหมายศาลฟ้องคดีเช่าซื้อโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ปี39ค่ะ โดยมีชื่อเป็นผู้กู้ร่วมมีลายเซ็นที่เหมือนมาก ( แต่มั่นใจว่าไม่เคยเซ็นสัญญาดังกล่าว เพราะไม่รู้จักกันกับผู้กู้รายแรกเลยค่ะ และนึกไม่ออกว่าตัวเองจะกู้ร่วมซื้อของพวกนี้กับใครที่ไม่รู้จักได้ ) แต่รู้จักผู้ค้ำฯ ซึ่งเคยทำงานที่เดียวกันในปีดังกล่าว ดิฉันโทรติดต่อทนายฝ่ายโจทก์แล้วว่าไม่เคยเซ็นเอกสารกู้ร่วม แต่เขายืนยันว่าต้องเป็นดิฉันเซ็นแน่ๆ และส่งสำเนาเช็คที่ตีค้ำประกันไว้มาให้ดู ปรากฎว่าเป็นเช็คของดิฉันเองแต่จำได้ว่าผู้ค้ำฯในสัญญาดังกล่าวเคยมาขอยืมไปประมาณ 3 ใบโดยให้ตีเช็คให้ใบละ 3,000 บาท ( ตอนนั้นสนิทกับคนค้ำฯ เค้ามาบอกว่าขอยืมเช็คไปจ่ายค่าซื้อโทรศัพท์เนื่องจากเช็คของเค้าหมดเล่มและคนที่นำโทรศัพท์มาส่งบอกว่าต้องจ่ายเช็คให้ครบภายในวันนี้เพราะเอาเบิกของมาแล้ว ) ดิฉันจึงให้ยืมไป แต่เช็คก็ไปญหานะคะ จำได้ว่าคนค้ำฯที่มีชื่ออยู่ในสัญญาเอาเงินเข้าให้เรียบร้อยทุกงวด
ปัญหาคือ 1.ถ้ายืนยันปฏิเสธไม่เคยเซ็นเอกสารเช่าซื้อดังกล่าว ศาลจะเชื่อหรือไม่คะ จะนำสืบอย่างไรได้บ้าง เพราะลายเซ็นเหมือนกับในเช็คมาก แต่มีลายมือที่เขียนตัวบรรจงใต้ลายเซ็น ไม่ใช่ลายมือดิฉันแน่นอน
2. ถ้าศาลไม่เชื่อ หรือให้ฝ่ายโน้นชนะคดีดิฉันก็ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อรึคะ ( ได้ทราบว่าทางโน้นตามหาผู้กู้รายแรกกับคนค้ำไม่เจอ เป็นไปได้หรือคะ คนค้ำฯก็เป็นทหารไม่น่าจะหายาก
3.ทำไมเค้าปล่อยเวลาให้จนเกือบ10ปีแล้วเพิ่งมาฟ้องคะ ต้องการดอกเบี้ยท่วมเยอะๆใช่หรือไม่
1. ขึ้นอยู่กับว่าคุณนำสืบพยานหลักฐานให้ศาลเชื่อได้หรือไม่ ส่วนรายมือที่เป็นตัวบรรจงไม่ใช่ลายมือของคุณนั้นไม่เป็นปัญหาเพราะตัวบรรจงนั้นใครเขียนแทนก็ได้ ข้อสำคัญอยู่ที่ลายมือชื่อนั้น เป็นของจริงหรือของปลอม ถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่าเป็นลายมือปลอมคุณก็ไม่ต้องรับผิดชอบ
2. ถ้าศาลให้เขาชนะคุณก็ต้องชำระเงิน เพราะแปลว่าศาลเชื่อว่าคุณได้กู้เงินเขาไปจริง ส่วนการที่เขาจะฟ้องคนค้ำประกันหรือไม่เป็นสิทธิของเขา ส่วนใหญ่เจ้าหนี้ก็จะดูว่าฟ้องใครแล้วจะได้รับชำระเงินมากกว่ากัน
3. เป็นสิทธิของเจ้าหนี้
การที่คุณให้คนอื่นยืมเช็คไปใช้นั้นแสดงว่าคุณไม่ค่อยรู้เรื่องหรือรู้ถึงความสำคัญของเช็ค คุณจึงควรเลิกใช้เช็คโดยเด็ดขาด และปิดบัญชีกระแสรายวันนั้นเสียโดยเร็ว เพราะความไม่รู้ดังกล่าวอาจทำให้ถึงติดคุกในวันหน้าได้