เรียนคุณมีชัยที่เคารพอย่างสูง
ดิฉันมีปัญหาอยากเรียนถามดังนี้ค่ะ
คุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ปี2527 ทายาททั้งหมด 9 คนขณะนั้นส่วนใหญ่ยังเป็นผู้เยาว์ได้ยินยอมให้อา 2 คนและพี่ชายคนโตร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก เวลาผ่านไป 20 ปี ผู้จัดการมรดกไม่เคยชี้แจงรายละเอียดทรัพย์สิน แต่ได้ขายทรัพย์สินไปหลายชิ้น (ที่ดิน) ได้เงินไปหลายสิบล้านบาทและนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวโดยไม่ได้แบ่งให้กับทายาทคนอื่นๆ การขายทรัพย์แต่ละครั้งไม่เคยแจ้งให้ทายาทคนอ่นๆทราบ ซึ่งเมื่อทวงถามถึงรายละเอียดก็ท้าทายว่าถ้าอยากได้ก็ให้ฟ้องเอา ทำให้น้องชายดิฉันตัดสินใจฟ้องถอดถอนผู้จัดการมรดกและฟ้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแทน ศาลชั้นต้นตัดสินให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเดิมและให้น้องชายเป็นผู้จัดการมรดกคนใหม่ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทางอาและพี่ชายยื่นอุทธรณ์ อ้างว่าน้องชายอยู่ต่างจังหวัดไม่เหมาะสม ซึ่งคดีในชั้นอุทธรณ์ยังไม่ตัดสิน อยากเรียนถามว่า
1. ขณะนี้น้องชายดิฉันมีสิทธิที่จะปฎิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการมกดกได้หรือไม่ เพราะทนายหลายคนให้คำตอบไม่เหมือนกัน บางคนบอกว่าต้องรอให้คดีสิ้นสุดในทุกศาลก่อน แต่บางคนบอกว่าให้ปฎิบัติหน้าที่ไปเลยถ้าช้าจะมีความผิดฐานะไม่ทำหน้าที่ อยากเรียนถามว่า ถ้าไม่ปฎิบัติจะมีความผิดหรือไม่ หรือหากเริ่มทำหน้าที่ไปแล้วยังไม่มีสิทธิ จะเป็นปัญหาในชั้นศาลหรือเปล่า
2. พี่ชายคนโตซึ่งเป็นผู้ที่ได้นำมรดกมากกว่าครึ่งไปใช้จ่ายส่วนตัวแล้ว และที่สำคัญคือเขาเป็นผู้ที่น้องๆหวาดกลัวการข่มขู่ เคยทุบตีทำร้ายน้องหลายคนจนบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เคยเป็นคดีความเพราะทุกคนอับอาย และกลัวถูกทำร้ายถึงชีวิต หากให้มีสิทธิในกองมรดกคงจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการตกลงมากมาย ถ้าหากจะฟ้องจำกัดสิทธิพี่ชายคนโตไม่ให้รับมรดกจะเป็นไปได้หรือไม่
ขอความกรุณาคุณมีชัยช่วยให้ความกระจ่างด้วยนะคะ ดิฉันเชื่อมั่นในท่านค่ะ
1.ถ้าฝ่ายผู้อุทธรณ์ไม่ได้ขอให้ศาลสั่งให้ทุเลาการบังคับ น้องชายคนก็สามารถเข้าดำเนินการในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกได้เลย แต่ถ้าศาลสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้รอฟังผลอุทธรณ์ ก็ต้องรอจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่ง
2. กรณีอาจเข้าข่ายการยักย้ายมรดก ที่ทำให้ถูกตัดออกจากกองมรดกได้