ข้าพเจ้ามีปัญหาที่จะเรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ การที่ทนายความคนหนึ่งขอยืมโฉนดชาวบ้านที่ตนเคยว่าความให้มาเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันหนี้เงินกู้ โดยขอยืมโฉนดมาจากชาวบ้านจำนวน37คนได้โฉนดที่ดินไปประมาณ80ฉบับ โดยทนายได้สัญญากับชาวบ้านเป็นรายบุคคลไปว่าจะนำโฉนดมาคืนภายใน1สัปดาห์บ้างหรือภายใน2สัปดาห์บ้าง และรับปากว่าจะช่วยรับผิดชอบโดยให้ชาวบ้านลงชื่อเป็นผู้กู้และตัวทนายลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกัน ชาวบ้านเห็นว่าเป็นผู้มีความคุ้นเคยกันและเห็นว่าทนายขอยืมเป็นเวลาไม่นานจึงยอมให้ยืมไป เวลาผ่านมาประมาณ5ปีจนครบระยะเวลาที่ต้องชำระหนี้ตามสัญญาบริษัทผู้ให้กู้จึงเรียกร้องให้ชาวบ้านชำระนี้ดังกล่าว ต่อมาชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินคนหนึ่งล้มป่วยและก่อนจะเสียชีวิตได้สั่งให้บุตรไปขอโฉนดที่ดินของตนคืนจากทนาย แต่เมื่อบุตรของชาวบ้านคนดังกล่าวไปทวงถามทนายกลับปฏิเสธว่าตนมิได้เอาโฉนดที่ดินไป บุตรของชาวบ้านคนดังกล่าวได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ชาวบ้านคนอื่นฟัง ชาวบ้านที่ให้ทนายยืมโฉนดไปจึงช่วยกันยืนยันว่าทนายได้เอาโฉนดที่ดินของชาวบ้านไปจริง เมื่อมีพยานยืนยันทนายจึงยอมรับว่าตนเอาโฉนดของชาวบ้านไปจริง และบอกว่าจะเอาโฉนดที่ดินมาคืนให้ แต่ได้ข่มขู่ชาวบ้านว่าหากผู้ใดไปแจ้งความจะไม่คืนโฉนดให้ ชาวบ้านบางส่วนจึงเกิดความกลัวและไม่กล้าแจ้งความ มีชาวบ้านที่มาแจ้งความในคดีนี้เพียง6ราย ข้าพเจ้าจึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
1.การกระทำของทนายคนดังกล่าวเป็นความผิดอาญาหรือไม่ หากเป็นเป็นจะเป็นความผิดฐานใด
2.การกระทำของทนายคนดังกล่าวถือเป็นการทำผิดมารยาททนายความหรือไม่ หากเป็นจะมีผลเช่นใด
3.หากทนายกระทำผิดต้องรับโทษในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐหรือไม่
ข้าพเจ้าขอความกรุณา ขอให้อาจารย์ อธิบายคำตอบโดยละเอียด เพื่อที่ผู้มีความรู้น้อยอย่างข้พเจ้าสามารถเข้าใจได้อย่งชัดแจ้ง
ด้วยความเคารพอย่างสูง
AA
1. เป็นการฉ้อโกง
2. ผิด
3. ทนายความไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
ควรร่วมมือกันทุกคนเพื่อไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อตำรวจเขาจะได้หาทางช่วยเหลือให้