การกำหนดคุณสมบัติตามประกาศคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์และวีธีสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ถูกตีความจาก กดส.จังหวัดและ คณะอนุกรรมการให้คำแนะนำและวินิจฉัยการดำเนินการขององค์กรหรือคณะบุคคลว่า ผู้แทนองค์กร ผู้แทนสมาคมและมูลนิธิ กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือเพิ่งลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองยังไม่ครบกำหนด 2 ปี ไม่สามารถรับเลือกเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติทั้งในฐานะผู้เลือกและผู้ถูกเลือก ซึ่งเป็นการวินิจฉัยผิดขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2549 มาตรา 20 ให้มีสมัชชาแห่งชาติ ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี มีจำนวนไม่เกินสองพันคน ส่วนการกำหนดคุณสมบัติตามประกาศคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์และวีธีสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ข้อ 2 ( 5) เป็นไปตามมาตรา 19วรรค 4 ซึ่งเขียนชัดเจนว่า ไม่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองภายในเวลา สองปีก่อนวันได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เขียนว่า ไม่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองภายในเวลา สองปีก่อนวันได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ
จากกรณีดังกล่าวทำให้มีผู้ถูกตัดสิทธิแม้กระทั่งเข้ามาเลือกก็ไม่ได้ เช่น กลุ่มนายกเทศมนตรีมี 24 คน เป็นสมาชิกพรรคการเมือง 9 คน ทำให้มีผู้มีสิทธิถูกเลือกและเลือกได้ 15 คน และกลุ่มอื่นๆเป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน
ถามว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่และเป็นตำแหน่งซึ่งจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตามมาตรา 20 ท่านยืนยันได้ไหมที่เลือกไปแล้วถูกต้อง
คนจะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้นมีคุณสมบัติอย่างหนึ่ง ตามมาตรา ๑๙ วรรคสี่ ส่วนคนที่จะเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติต้องมีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งซึ่งเบากว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ใครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนการเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ก็สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติได้ แต่ถ้าขาดคุณสมมบัติการจะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็ได้แต่จะมาเลือกคนอื่นเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ