เรียน อาจารย์ท่านมีชัย ที่เคารพอย่างสูง
หนูขอเรียนถามอาจารย์ฯ ว่าการที่ศาลตัดสินคดีความแต่ละคดีนั้น ศาลท่านเอาอะไรมาเป็นกฏเกณฑ์ในการตัดสินค่ะ..เพราะหนูมีปัยหาเกิดขึ้นกับหนูเองดังนี้ หนูถูกคนรู้จักแกล้ง (ฟ้องตกเป็นจำเลยในคดีอาญา) ทั้งๆ ที่คนที่ฟ้องหนู (โจทก์) ก็ทราบและรู้อยู่แก่ใจว่าหนูไม่ได้กระทำความผิดอะไรกับเค้าเลย แต่เค้าแกล้งหนู หนูจึงต้องต่อสู้คดี โดยต่อสู้กันทางศาล และศาลก็รับฟ้องด้วย โดยหนูต้องประกันตัวด้วยเพื่อเตรียมต่อสู้คดี แล้วต่อมาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์กลับถอนฟ้อง หนูก็หลุดคดี หนูก็ฟ้องกลับโจทก์บ้างในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ศาลนัดสืบ หนูก็นำสืบ ก่อนที่ศาลจะจดรายงานในวันสืบหนู (โจกท์) ศาลก็พูดว่าคดีนี้ศาลพอจะทราบแล้วว่าเป็นอย่างไร หนูกับพยานก็นำสืบอยู่ 2 นัด รวมทั้งพยานในส่วนราชการด้วย โดยสืบพยานด้วยความบริสุทธิ์เป็นจริงทุกประการศาลก็ทราบ แต่พอถึงวันนัดฟังคำสั่งว่าดคีมีมูลหรือไม่ กลายเป็นว่าศาลพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า จำเลย (โจทก์เดิม) ไม่มีเจตนาที่จะฟ้องหนู เพียงแต่ฟ้องไปตามรูปคดีเท่านั้น ......อาจารย์ค่ะ หนูและพยานที่ต้องงทนทุกข์กับการถูกแกล้งและถูกประกันตัวโดยการไปเช่าหลักทรัยพ์เค้ามาร้อยละ 10 อย่างหนู ฟังศาลอ่านคำพิพากษาแลเหตุผลแล้ว หนูคิดว่าศาลคงตัดสินคดีแบบไม่ได้วินิจฉัยให้ลึกเลยว่าทำไมโจกท์(เดิม)จึงฟ้องหนูต่กเป็นจำเลย และทำไมหนูจึงต้องฟ้องกลับโจทก์(เดิม) ถ้าหากหนูผิดจริง หนูว่าศาลนั่งบัลลังค์ก็เหมือนกับนั่งไกว่เปลนั้นแหละค่ะ แล้วก่อนออกจากห้องพิจารณาคดีในวันฟังคำพิพากษานั้นศาลจะบอกหนูเลยว่า เรื่องอื่นให้จัดการกันเอาเอง เอ๊ะมีอย่างนี้ด้วยเหรอค่ะ หากไม่เกิดกับหนู หนูแทบจะไม่เชื่อหู เชื่อตาเลย ดีที่ว่าหนูมีความรู้บ้าง แต่ถ้าหากเกิดกับตาสีตาสาล่ะ พวกเค้าจะว่าอย่างไรได้ หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ หนูเองยังคิดไม่ออกเลยว่าขนาดศาลอันเป็นตัวแทนเบื้องบนแท้ๆ ยังเป็นอย่างนี้ แล้วเบื้องล่างๆ มิแย่หรือ หากเขี่ยคดีทิ้งๆๆ อย่างนี้ ไหนบอกว่าเป็นผู้รักษากฏหมาย รักษาความยุติธรรมให้อยู่รอดคู่แผ่นดินสยามตลอดไป หรือศาลท่านจักหรือเสียแล้วก็เป็นได้ (ตอนถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าฯจะธำรงไว้ซื่งความถูกต้องของบ้านเมืองและกำจัดคนพาลให้หมดสิ้นไป และจักดำรงซื่งความยุติธรรมตลอดไป....) แล้วงัย...ท่านจักพิจารณาคดีแบบ..ดั่งคำปฏิญาณเลยล่ะค่ะ.......และอีกอย่างหนึ่งก็คือ จำเลยคนนี้ คนที่ถูกหนูฟ้องกลับข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จนี้ เคยมีพฤติกรรมกระทำผิดในคดีอาญามาแล้ว (เคยลักทรัพย์) แต่ศาลก็ยกฟ้องอีกโดยให้เหตุผลว่าจำเลยนี้ไม่มีเจตนาลักทรัพย์อีกเช่นกัน ในเรื่องข้อเท็จจริงหนูเพียงแต่เดาสถานการณ์ว่า ที่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยในเหตุผลว่าไม่มีเจตนาลักทรัพย์นั้น ก็คือ ลักทรัพย์ไปแล้ว 14 วัน แล้วเอามาคืนโจทก์แล้วและโจทก์ได้รับของกลางแล้ว และโจทก์แถลงว่าไม่ติดใจในรูปคดีอีก ศาลจึงยกฟ้องเสียอย่างนั้นเลย....หนู่ว่าศาลตัดสินแย่มาก...ไม่สรุปหาข้อท็จจริงว่ากระทำความผิดจริงหรือไม่อย่างไร เพียงแค่คาดการณ์เท่านั้น...แล้วจำเลยคนเดิมอีกน้านแหละที่มาแกล้งฟ้องหนูเป็นจำเลยในคดีอาญาแล้วถอนฟ้องเสีย จำเลยคนนี้คงไม่มีใครให้แกล้งแล้วมั้งจึงมาโดนหนู...พอหนูแก้กลับ ศาลก็ยกฟ้องอีก...หนูว่าศาลมีพอมีเพาเวอร์ในการสืบเสาะหรือเสาะสืบพฤติกรรมของผู้กระทำผิดได้เต็มเหนี่ยว ทำไมไม่ทำ ปล่อยให้จำเลยเหิมเกริมเที่ยวฟ้องคนนู้นทีคนนี้ที ให้เค้าเที่ยวขึ้นศาลไปแก้คดีอยู่ร่ำไป ถ้าใครไม่อยากขึ้นศาลเพื่อแก้คดีอยากให้ถอนฟ้องก็เรียกเงินจำนวนหนึ่ง หลักฐานๆ ต่างๆ หนูก็เสนอให้ศาลทราบทั้งหมด แต่ศาลก็ยังไม่พิจารณาถึงหลักแท้ๆ ที่สำคัญๆ ว่าทำไมจำเลยคนนี้ถึงมีพฤติกรรมเช่นว่านี้ ......อาจารย์ค่ะหนูสงสัยเหลือเกินว่าถ้าหากอาจารย์ฯ เจอแบบหนูบ้าง อาจารย์จะทำอย่างไรต่อไปค่ะ และจะขอความยุติธรรมได้จากที่ไหนบ้างอย่างไร ....ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่สละเวลาตอบคำถามหนู...หนูจะรออ่านน่ะค่ะ
เรียน คนอยากเห็นความยุติธรรม
ศาลท่านก็พิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏต่อศาล หากเราไม่พอใจในคำวินิจฉัยก็มีสิทธิอุทธรณ์ต่อไปได้