เรียนคุณมีชัยที่นับถือ
ดิฉันมีเรื่องจะเรียนปรึกษาดังนี้ คือ ปัจจุบันนี้บ้านที่อยู่อาศัยในตอนนี้เป็นบ้านของพ่อแม่ที่ปลูกอาศัยในที่ดินของยาย ปลูกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 เกือบ 31 ปี จนปี พ.ศ.2534 ทางราชการให้มีการออกที่อยู่อาศัยเป็นโฉนดที่ดิน โดยที่ดินแปลงนี้เป็นของพี่น้องยายจำนวน 3 คน ยายเป็นพี่สาวคนโต(เสียชีวิตปี พ.ศ.2540) และยังมีพี่น้องอีก 2 คน และในตอนที่ทางราชการออกเป็นโฉนดที่ดิน ยายบอกให้ใส่ชื่อของน้องชาย ปัจจุบันนี้เหลือแค่น้องชายของยาย 2 คน น้องชายของยายคนที่เป็นเจ้าของโฉนดได้อยู่อาศัยกับน้องชายของแม่ และน้องชายของยายอีกคนได้บอกกับแม่ว่าที่ดินแปลงนี้แกมีสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่งแกเคยบอกว่าที่ดินครึ่งหนึ่งยกให้แม่เพราะว่าแม่มีลูกหลายคน จนประมาณปี พ.ศ.2544 ทางผู้ใหญ่บ้านได้มาบอกว่าใครมีความประสงค์จะแบ่งที่ดินให้มาแจ้งความประสงค์มา แล้วทางราชการจะมาดำเนินการให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม่จึงได้ไปขอยืมโฉนดที่ดินจากน้องชายแต่น้องชายไม่ให้บอกว่าไม่ต้องแบ่งให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้แหละ จนในปีพ.ศ.2548 ข้าพเจ้าได้ย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ และในอนาคตสามีของดิฉันก็จะมาอยู่ด้วยกันที่บ้านปัจจุบันทำงานอยู่ต่างจังหวัด ดิฉันจึงบอกให้แม่จัดการเรื่องที่ดินให้เรียบร้อยเพราะไม่อยากให้มีปัญหาในภายหล้งเพราะเราไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้จึงบอกให้แม่ไปขอยืมโฉนดกับน้องชายของแม่อีก น้องชายก็ไม่ยอมให้ แกได้บอกว่าโฉนดแกเอาไปทำเป็นพินัยกรรมยกเป็นของแกหมดแล้ว จะทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าน้องชายของยายจะตามค่อยมาว่ากัน ตอนนี้น้องชายของยายอายุ 94 ปี แล้วแกก็ไม่รู้เรื่องพินัยกรรมแต่น้องชายของยายเคยมาบอกว่าน้องชายของแม่เคยให้แกปั๊มลายมือลงในเอกสารอะไรก็ไม่รู้ และในตอนนี้น้องชายของยายอีกคนจะมาขอแบ่งที่ดินเพื่อยกให้กับแม่ ครอบครัวของแม่และของน้องชายไม่ถูกกันแต่อยู่บ้านติดกัน อยากจะทราบว่าน้องชายของแม่จะมีสิทธิ์คัดค้านหรือไม่ถ้าน้องชายของยายอีกคนจะมีของแบ่งที่ดิน และพินัยกรรมจะเป็นโมฆะได้หรือไม่เพราะว่าน้องชายของยายอีกคนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าพี่ชายของตนเองได้ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้กับหลานชาย อยากจะให้คุณมีชัยช่วยหาทางออกให้ด้วยค่ะ เพราะว่าตอนนี้ก็อยู่กันแบบมีปัญหามาตลอด และถ้ารุ่นลูกรุ่นหลานไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็ถูกเขาว่าเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยจะไล่ออกเมื่อไหร่ก็ได้ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง สุดท้ายนี้ขอให้คุณมีชัยมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
เรียน ผู้ไม่รู้กฎหมาย
การยกให้ด้วยวาจานั้นไม่มีผลอะไร แต่การที่ได้ครอบครองโดยเข้าใจว่าเขายกให้แล้วนั้น อาจเข้าข่ายเป็นการครอบครองปรปักษ์ก็ได้ ควรปรึกษากับทนายความ