ขอถามปัญหาเรื่องการซื้อขายหุ้นอีกครั้งครับ
กราบเรียน อาจารย์มีชัย
ผมได้ส่งคำถามที่ยังหาทางออกไม่ได้และต้องการคำแนะนำจากอาจารย์อย่างยิ่ง แต่ว่ายังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด จึงใคร่ขอรบกวนอาจารย์อีกครั้ง สุดแล้วแต่ความกรุณาว่าอาจารย์สะดวกที่จะตอบทางเวปไซด์หรือจะตอบที่เมล์ส่วนตัวก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
กราบขอบพระคุณอย่างสูง
ศิษย์คนเดิม
( หน้า 1 )
ทำที่
วันที่ 28 พย. 2548
หนังสือสัญญาฉบับนี้ ข้าพเจ้านาย ก.ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า ผู้ขายที่ 1 และหจก. ข.โดยนาย ก. หุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า ผู้ขายที่ 2 กับหจก. ค. โดยนาย ง. ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า ผู้ซื้อ ฝ่ายหนึ่ง คู่สัญญาตกลงทำสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท A มีเงื่อนไขบังคับกันดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้โอนตกลงขายและโอนหุ้นของบริษัท A ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้โอนและไม่มีภาระผูกพันกับบุคคลใดๆ ทั้งหมดที่ผู้โอนมีอยู่ รวม ..... หุ้น รวมราคาขายเป็นเงิน 20,000,000 บาท รายละเอียดหมายเลขหุ้นปรากฏดังนี้
( หน้า 2 )
รายละเอียดหุ้นของนาย ก. จำนวน / หมายเลขหุ้น รวม .... หุ้น
รายละเอียดหุ้นของหจก. ข. จำนวน / หมายเลขหุ้น รวม ... หุ้น
( หน้า 3 )
ข้อ 2. ผู้รับโอนตกลงซื้อ และรับโอนหุ้นตามข้อ 1 ผู้โอนตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้รับโอนนับตั้งแต่เข้าทำสัญญานี้ โดยผู้โอนยอมขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น และผู้รับโอนยอมเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท A
ข้อ 3. ผู้โอนตกลงส่งมอบใบหุ้นตามข้อ 1.ให้แก่ผู้รับโอน และจดแจ้งการโอนหุ้นในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ทั้งทำสำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5 ) ต่อสำนักงานหุ้นส่วนบริษัทให้แล้วเสร็จภายในกำหนดชำระเงินงวดแรก
ข้อ 4. บรรดาหนี้ที่บริษัท A เป็นหนี้ต่อผู้โอน ผู้โอนได้แสดงเจตนาเป็นหนังสือปลดหนี้ไม่ว่าจะเป็นมูลหนี้ใดๆ ให้แก่บริษัท A ได้รับทราบแล้ว ดังปรากฏใบตอบรับทางไปรษณีย์ ผู้โอนไม่ติดใจเรียกร้องให้บริษัท A ชำระหนี้ใดๆ อีกต่อไป
ข้อ 5. การชำระราคา
งวดที่ 1 จำนวน 5,000,000 บาท ( ห้าล้านบาทถ้วน ) ภายในวันที่ผู้โอนได้ปฏิบัติตามข้อ 2 และข้อ 3 ครบถ้วนแล้ว
งวดที่ 2 จำนวน 5,000,000 บาท ( ห้าล้านบาทถ้วน ) ภายใน 7 วันนับจากวันที่ผู้โอน ครอบครัว และบริวารของผู้โอนได้ย้ายออกจากบริษัท A ไปพักอาศัยที่อื่น ทั้งนี้ จะต้องย้ายออก 30 วันนับจากวันชำระเงินงวดที่ 1
งวดที่ 3 จำนวน 5,000,000 บาท ( ห้าล้านบาทถ้วน ) ภายในกำหนด 1 ปีนับจากวันที่ได้รับเงินงวดที่ 2
งวดที่ 3 จำนวน 5,000,000 บาท ( ห้าล้านบาทถ้วน ) ภายในกำหนด 1 ปีนับจากวันที่ได้รับเงินงวดที่ 3
ข้อ 6. หากผู้รับโอนไม่ชำระหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้งวดหนึ่งงวดใด ผุ้โอนตกลงยิยอมผ่อนเวลาชำระหนี้ออกไป 30 วัน และเมื่อครบกำหนดเวลาที่ผ่อน ผู้รับโอนยังไม่ชำระหนี้ดังกล่าว ผู้รับโอนตกลงให้ผู้โอนได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของจำนวนที่ค้างชำระทั้งหมด
( หน้า 4 )
ข้อ 7. การซื้อขายหุ้นตามสัญญานี้ เป็นการขายขาด ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงไม่เลิกสัญญาต่อกัน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการผิดสัญญา ให้ชดใช้ความเสียหายโดยกำหนดเป็นจำนวนเงินเท่านั้น
หนังสือสัญญานี้ทำขึ้น 2 ฉบับมีข้อความอันเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่ายได้อ่านและเข้าใจถูกต้องตรงกันแล้ว ลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ
ลงชื่อ ผู้รับโอน ลงชื่อ ผู้โอน /ผู้ขายที่ 1
ลงชื่อ พยาน ลงชื่อ ผู้โอน / ผู้ขายที่ 2
ลงชื่อ พยาน
หมายเหตุ :
1. ผู้ซื้อเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท A ผู้ขายเป็นประธานกรรมการของบริษัท A การลงนามผูกพันบริษัทนั้นกำหนดว่าคนในคนหนึงต้องลงนามร่วมกับกรรมการอื่นอีก 1 คนพร้อมประทับตราบริษัท
2. กรรมการชุดนี้หมดวาระลงเมื่อก่อนทำสัญญาซื้อขาย ฯ แต่ว่ายังไม่มีการเลือกกรรมการชุดใหม่ ในหนังสือรับรองบริษัทจึงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
3. ตราประทับของบริษัทที่จดทะเบียนไว้กับสำนักพัฒนาธุรกิจตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทมีอยู่เพียง 1 อันและใช้งานมาร่วม 20 กว่าปี และปัจจุบันผมเป็นกรรมการบริษัทและเป็นผู้เก็บรักษาไว้
คำถาม :
1 สัญญาซื้อขายดังกล่าวทำขึ้นเมื่อ 28 พย. 2548 และได้มีการชำระงวดแรก ( บางส่วน ) ในวันที่ 2 ธค. 2549 จำนวน 100,000 บาท ผู้ขายได้ส่งมอบใบหุ้นทั้งหมดให้แก่ผู้ซื้อ ต่อมาวันที่ 20 ธค. 2549 ผู้ซื้อได้อาศัยความเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท A ทำการเปลี่ยนแปลงทะเบียนผู้ถือหุ้น ( บอจ.5 ) ที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นของผู้ซื้อทั้งหมดโดยที่ยังมิได้ชำระเงินค่าหุ้นงวดแรกที่เหลืออีก 4,900,000 บาทแต่ประการใด ( ซึ่งตามสัญญาผู้ซื้อจะต้องชำระงวดแรกให้เสร็จสิ้นและผู้ขายจะจดแจ้งการโอนหุ้นต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า ) ดังนั้น ในวันที่ 5 มค. 2549 ผู้ขายจึงได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้นไปยังผู้ซื้อ โดยอ้างเหตุที่ผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาเป็นสาเหตุในการบอกเลิก และผู้ซื้อได้ทำหนังสือแจ้งกรรมการบริษัท รวมถึงนายทะเบียนของสำนักพัฒนาธุรกิจการค้าให้รับทราบพร้อมกับได้แจ้งยกเลิกใบหุ้นทั้งหมด ?
คำถาม : การบอกเลิกสัญญาดังกล่าวมีผลตามกฎหมายหรือไม่ครับ ?
2. ผู้ซื้อซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ( ซึ่งหมดวาระลงและไม่ได้ปฏิบัติงานในบริษัทตั้งแต่หมดวาระเมื่อเดือน พย. 2549 ) ได้นำสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นไปจากบริษัทด้วย บริษัมได้ทำหนังสือทวงถามใบหุ้นที่ถูกยกเลิกและให้ส่งมอบสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นคืนแก่บริษัท ( เนื่องจากได้รับคำแนะนำจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจะต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทเท่านั้นและการนำออกนอกบริษัทถือเป็นการลักทรัพย์และมีความผิดทางอาญา
คำถาม : หากบริษัทแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาข้อหาลักทรัพย์ ( สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ) นายง. ซึ่งแม้ยังมีชื่อเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้เกือบปีแล้ว จะมีความผิดอาญาหรือไม่ และจะมีโทษมากน้อยแค่ไหนครับ ?
3. ในการโอนหุ้นของนายง.เมื่อวันที่ 20 ธค. 2549 นั้น นอกจากนายง.จะไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้นตามเงื่อนไขการชำระเงินข้อแรก นายง.ยังได้อาศัยความเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามร่วมกับกรรมการอีก 1 คนทำการเปลี่ยนแปลงทะเบียนผู้ถือหุ้น ( บอจ.5 ) และได้ใช้ตรายางปลอมซึ่งได้ทำขึ้นใหม่ประทับลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน
คำถาม : การกระทำของนายง. มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ และมีโทษมากน้อยแค่ไหน และการที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบตรายางว่าเป็นของจริงหรือไม่มีโทษด้วยหรือไม่ครับ ?
4. หลังจากมีการบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 5 มค. 2549 ต่อมาอีก 13 วันคือวันที่ 18 มค. 2549 นายง. ผู้ซื้อได้นำเงินที่ค้างอยู่งวดแรก จำนวน 4,900,000 บาท ไปวางที่เจ้าพนักงานวางทรัพย์ที่สำนักงานบังคับคดี ต่อมาวันที่ 2 กพ. 2549 นาย ก. ผู้ขายได้ทำหนังสือแจ้งปฏิเสธการรับชำระเงินโดยได้แจ้งต่อสำนักงานบังคับคดีว่าได้มีการยกเลิกสัญญาดังกล่าวเนื่องจากผู้ซื้อไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ต่อมาวันที่ 14 มีค. 2549 สำนักงานบังคับคดีได้มีหนังสือแจ้งมาว่า นายง. ผู้ซื้อได้ถอนการวางทรัพย์และรับเงินจำนวน 4,900,000 บาทคืนไปเมื่อวันที่ 28 กพ. 2549 เรียบร้อยแล้ว
คำถาม : การวางทรัพย์ ( หลังจากที่ได้มีการบอกเลิกสัญญา ) ตลอดจนการถอนการวางทรัพย์ของนายง. จะมีผลต่อการยกเลิกสัญญาซื้อขายหรือไม่ครับ ?
5. สัญญาที่ทำขึ้นนั้นได้มีการลงนามทั้ง 2 ฉบับ แต่ลงนามทั้ง 2 ฝ่ายเฉพาะหน้าสุดท้าย ( หน้า 4 ) ที่มีการระบุข้อ 7 ว่า การซื้อขายหุ้นตามสัญญานี้ เป็นการขายขาด ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงไม่เลิกสัญญาต่อกัน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการผิดสัญญา ให้ชดใช้ความเสียหายโดยกำหนดเป็นจำนวนเงินเท่านั้น นอกจากนั้นนายง. ผู้ซื้อยังได้เก็บรักษาสัญญาไว้ทั้ง 2 ฉบับโดยไม่ได้ให้สัญญาอีกฉบับแก่นายก. ซึ่งเป็นคู่สัญญาแต่อย่างใด ดังนั้น ข้อความที่ปรากฏในสัญญาตั้งแต่ข้อ 1-6 จึงไม่มีใครทราบว่าข้อความที่แท้จริงเป็นอย่างไร นายง. ผู้ขายก็ไม่สามารถจดจำรายละเอียดในสัญญาได้อย่างครบถ้วน และจะสามารถแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีการแก้ไขสัญญาให้เป็นอย่างอื่น
คำถาม : ขณะนี้มีการฟ้องร้องกันโดยนายก. อ้างว่าสัญญาไม่สามารถยกเลิกได้เป็นประเด็นหลัก แต่จากการกระทำของนายง. ผู้ซื้อซึ่งแสดงออกถึงเจตนาที่ไม่สุจริตจะมีผลทำให้สัญญาเป็นโมฆะหรือไม่ครับ ?
6. จากการที่ได้ปรึกษากับทนายหลายๆ คน ความเห็นแตกต่างออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกก็เห็นว่าสัญญามีผลแล้ว กรรมสิทธิ์หุ้นได้ถูกโอนไปแล้ว นายก. ผู้ขายมีสิทธิ์เพียงแค่ฟ้องร้องค่าหุ้นเท่านั้น ส่วนอีกฝ่ายก็เห็นว่าการบอกเลิกสัญญามีผลเนื่องจากนายง.ผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญา และข้อ 7 ในสัญญาก็น่าจะเข้าข่ายสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ขัดต่อศีลธรรม ความเรียบร้อยของสังคม ฯลฯ บางคนก็แนะนำให้ผมฟ้องร้องดำเนินคดีเรื่องตรายางปลอมเพื่อ Trade off กับการยอมยกเลิกสัญญาซื้อขายกับนาย ง.
คำถาม : ตามความเห็นของอาจารย์คิดว่าการบอกเลิกสัญญามีผลหรือไม่ หากไม่มีจะต้องทำอย่างไรจึงจะให้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะหรือเลิกแล้วต่อกัน ? ( ได้โปรดอย่าแนะนำว่าหันหน้าคุยกันเลยครับเพราะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ศาลไกล่เกลี่ยก็ไม่สำเร็จ )
|