ท้องถิ่นกับรัฐธรรมนูญ
กราบเรียน อาจารย์มีชัย
รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า การกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องกระทำเท่าที่จำเป็นตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่ต้องเป็นไปเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นหรือผลประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม ซึ่งทั้งนี้จะกระทบถึงสาระสำคัญแห่งหลักการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่นหรือนอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติมิได้(น่าจะเป็นมาตรา 283)
พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ความว่า กระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยหากปรากฏว่านายก อบต. รองนายกฯ ประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ให้นายอำเภอสอบสวนโดยเร็ว และวรรคสองความว่า ในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฎว่า นายกฯ รองนายกฯ ประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ มีพฤติการณ์ตามวรรคหนึ่งจริง ให้นายอำเภอเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 92)
กระผมมีประเด็นสงสัยดังนี้ครับ
1 นายอำเภอสอบสวนนายกฯ แล้วสรุปว่า นายกฯมิได้มีเจตนาที่จะกระทำทุจริตหรือประพฤติมิชอบด้วยหน้าที่แต่ทำเพื่อส่วนรวม และเสนอความเห็นว่า ไม่น่าจะทำให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง./ เช่นนี้ถูกต้องหรือไม่(กระผมหมายถึง นายอำเภอมีอำนาจไม่เสนอให้นายกฯพ้นจากตำแหน่งตาม พ.ร.บ.และเสนอความเห็นเป็นอย่างอื่นซึ่ง พ.ร.บ.ไม่ปรากฎว่าให้อำนาจไว้หรือไม่)
2. ถ้าเดิมผู้ว่าราชการจังหวัดเคยได้สอบและมีความเห็นว่า นายกกระทำการโดยมิชอบมีความผิดตามมาตรา 157 และเป็นความผิดสำเร็จ และส่งให้นายอำเภอสอบสวนใหม่ ถ้านายอำเภอสอบสวนแล้วสรุปว่าไม่มีเจตนาทุจริตและออกความเห็นตามข้อ 1 ไม่เสนอผู้ว่าฯให้นายกฯพ้นจากตำแหน่งตามวรรคสองของ พ.ร.บ.จะถือว่ากระทำนอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้หรือไม่
3. ข้อนี้สงสัยมากครับ การทุจริตเป็นโทษทางอาญา การไม่มีเจตนาทุจริต จะถือเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ที่ยกมาในวรรคหนึ่งหรือไม่ครับ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ |