เรียนคุณมีชัย
ดิฉันได้ทำสัญญาค้ำประกันเช่าซื้อรถยนต์ให้กับโรงงานที่ตัวเองเคยทำงานอยู่ เมื่อปี 2540 ต่อมาโรงงานปิด เจ้าของเป็นชาวต่างชาติและได้หนีออกนอกประเทศ ส่วนรถยนต์ที่ได้เช่าซื้อมาได้ค้างค่างวดอยู่หลายงวดและดิฉันได้ติดต่อนำรถคืนให้กับบริษัทไฟแนนซ์ ต่อมาได้รับแจ้งว่าบริษัทไฟแนนซ์ได้นำรถขายทอดตลาดได้เงินมาแต่มีส่วนที่ดิฉันต้องรับผิดชอบเนื่องจากการขายนั้นขาดทุนในฐานะผู้ค้ำประกัน บริษัทไฟแนนซ์ได้ฟ้องร้องให้ดิฉันชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยจำนวนกว่า 300,000 บาท แต่ดิฉันไม่มีเงินชำระจึงไม่ได้ชำระ ปีนี้ได้มีจดหมายแจ้งให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีก ดิฉันจึงได้ไปติดต่อขอลดจำนวนหนี้ลงและขอผ่อนให้กับบริษัทไฟแนนซ์ แต่ได้รับการปฏิเสธ ดิฉันไม่มีสินทรัพย์อะไรนอกจากบ้านที่อยู่ร่วมกับสามีไม่ได้จดทะเบียนกัน สามีเป็นคนผ่อนบ้านเองเนื่องจากหักเงินเดือนทางราชการ แต่ในโฉนดมีชื่อดิฉันร่วมอยู่ด้วย อยากถามว่า
1. ทางบริษัทไฟแนนซ์จะบังคับยึดทรัพย์ได้หรือไม่
2. ทำอย่างไรถึงจะยุติคดี เพราะดิฉันตั้งใจจะผ่อนชำระ แต่ทางฝ่ายนั้นไม่ยินยอม
3. มีอะไรที่ทำให้ฝ่ายโจทก์เห็นใจคนค้ำประกันได้หรือไม่ เพราะในเมื่อมีความจำเป็นในขณะนั้นที่ต้องทำสัญญาเพราะเป็นลูกจ้าง
4. การอายัดเงินเดือนทำได้หรือไม่ อย่างไร
ขอบคุณมากคะ
เรียน คุณปานธิป
1. อะไรที่เป็นทรัพย์ของคุณเจ้าหนี้ก็มายึดได้เสมอ
2. ใช้หนี้เขาหมดแล้วคดีก็ยุติลง
3. คำว่า "เห็นใจ" ไม่มีอยู่ในผู้คนในแวดวงธนาคารกับบริษัทไฟแน้นซ์
4. ได้