ช่วยด้วย
ดิฉันและสามีซื้อกิจการบริษัทต่อจากคุณพ่อดิฉันและคนในครอบครัวดิฉัน โดยทำสัญญาซื้อขายกัน โดยมีหนี้กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้ พ. ติดมาด้วย(ตกลงกับคุณพ่อดิฉันด้วยปากเปล่า ทั้งคุณพ่อและดิฉันไม่มีสัญญากู้ยืมกับ พ.)
กิจการที่รับต่อมาจากพ่อมีลูกค้าซึ่งมีเครดิตการค้า 70 วัน ซึ่งแต่เดิมพ่อได้ทำการกู้ยืมเงินตามจำนวนที่ขายได้ในแต่ละเดือนกับ พ. โดย พ. คิดดอกเบี้ยหักจากเงินต้นร้อยละ 3 ต่อเดือน(เสีย6%ทุกครั้งที่รับเงิน) โดยได้มอบอำนาจเบิกเงิน,บัตรประชาชนตัวจริง,บัญชีธนาคารที่ลูกค้าโอนเงินเข้า ไว้กับ พ. และ พ.เป็นผู้เบิกเงินออกจากบัญชีบริษัทของดิฉันทุกครั้ง
พ.จะหักเงินกู้ยืมส่วนตัว(คงเหลือตอนนี้ประมาณ 2,000,000บาท)+ดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนตัวร้อยละ3ต่อเดือน+ดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนที่ยืมในส่วนที่เป็นรายได้ของบริษัทอัตราร้อยละ3*2เดือน แล้วเงินส่วนที่เหลือจ่ายให้ทุกวันที่1ของเดือน ซึ่งระยะหลัง(8เดือนที่ผ่านมา)กิจการนี้มีรายได้ลดลงอย่างมาก จาก 800,000-1,000,00 เหลือแค่ประมาณ400,000-600,000บาท (ดิฉันจะได้รับเงินประมาณ 250,000-400,000ต่อเดือน ซึ่งไม่พอใช้จ่ายตลอดมา)
หลังจากดิฉันโอนกิจการมาได้ประมาณ 10 เดือน พ. ขอให้ดิฉันจ่ายเช็คประทับตราบริษัท โดยไม่ระบุวันที่ และจำนวนเงินบนเช็ค (เช็คบริษัทนี้ดิฉันมีอำนาจสั่งจ่ายคนเดียว )เพื่อเป็นหลักประกัน มิเช่นนั้นจะไม่ให้กู้เงินเพื่อหมุนเวียนบริษัท ดิฉันจำเป็นต้องให้เช็คนี้ เนื่องจากไม่มีทางเลือกซึ่งสามีก็ทราบเรื่องนี้โดยตลอด
แต่คุณพ่อสามีซึ่งเป็นหุ้นใหม่ และเป็นกรรมการไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากท่านไม่ได้มาบริหารงาน (บริษัทฯมีกรรมการ 3 คนหนังสือรับรองระบุให้กรรมการหนึ่งท่านลงนาม)
ดิฉันเกรงว่าถ้าในอนาคตไม่สามารถจ่ายหนี้ได้
1.ถ้า พ.นำเช็คมาเขียนจำนวนเงินเอง จะนำเช็คมาฟ้องร้องได้หรือไม่(ดิฉันถ่ายหน้าเช็คเปล่าก่อนมอบให้ พ.ไว้)
2.หากนำชื่อคุณพ่อสามีออกจากกรรมการก่อนที่ พ.จะฟ้องร้อง คุณพ่อสามีจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่
3.หาก พ. ให้ดิฉันทำสัญญาดิฉันควรทำอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
4.หากฟ้องร้องกันจริง ศาลจะลดดอกเบี้ยให้หรือไม่ (กู้ยืมกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เกินกว่า 10 ปีแล้ว)
5.ถ้าลดจะลดย้อนหลังอย่างไร
|