สวัสดีครับ อ.มีชัย
เรียนถามความเห็น อ. ว่า ผมได้ยื่นฟ้อง ศาลแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายจำนวนหนึ่งจาก บริษัทแห่งหนึ่งที่ละเมิด ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ในวันที่ศาลนัด ผู้พิพากษาท่านหนึ่งมีอาวุโสพอควร พยายามมาไกล่เกลี่ย ทางจำเลยต่อหน้าผู้พิพากษาก็อ้างว่าจะไกล่เกลี่ย ทั้งที่จริงๆ เคยมีการนัดไกล่เกลี่ยมาสามครั้งนอกศาลสองครั้ง ในศาลหนึ่งครั้งแล้ว แต่ทางจำเลยไม่เคยมาเลย วันนั้นผู้พิพากษาก็ว่าผมทำนองว่า โจทก์ก็อย่าไปเห็นแก่เงินมากนัก บอกผมว่าให้ลดค่าเสียหายที่เรียกร้องไปลงมาบ้าง ผมตอบท่านไปว่า ผมเรียกค่าเสียหายตามจริง เหมาะสมแล้ว ไม่ได้เผื่อลด เผื่อต่อ ไม่ได้เรียกเพราะเห็นแก่เงิน เพราะหน้าที่การงานผมก็มีไม่จำเป็นต้องหาเงินด้วยวิธีนี้ ผมเอาเวลาไปกับการฟ้องร้องไปหาเงินได้มากกว่านี้ครับ ผู้พิพากษาคนนั้นตอบผมว่า "เอ้า...ถ้าฟ้องไม่อยากได้เงินมาฟ้องทำไม"
ผมอยากจะสวนแต่ไม่กล้าพูดออกไปว่า ผมมาฟ้องเพื่อถามหาความยุติธรรมครับ คนทำผิดก็ต้องชดใช้ แล้วก็อยากถามผู้พิพากษานั้นว่า ถ้าไม่อยากนั่งพิจารณาคดีก็ทำไมไม่ลาออกไปเหมือนกัน ผมรู้สึกไม่ดีเลยครับ เพราะผู้พิพากษาคนนั้น นั่งอยู่บนบัลลังก์ แล้วก็อยู่ในเครื่องแบบของผู้พิพากษา หากเราไม่ได้รับความเดือดร้อนที่คนอื่นมาทำ เราจะไปฟ้องร้องหรือ ผมอยากให้ผู้พิพากษาคนนั้น เจอคนอื่นมาละเมิดอย่างนี้บ้างจะได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน
ขอบคุณครับ
เรียน โดนผู้พิพากษาดุมาครับ
ตามกระบวนพิจารณาใหม่ ผู้พิพากษาจะพยายามทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยคู่ความก่อนที่จะเดินหน้าพิจารณาคดีต่อไป เพื่อว่าในกรณีที่สามารถตกลงกันได้ คดีก็จะได้สิ้นสุดลงโดยเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาของคู่ความ รวมทั้งเวลาของศาลด้วย แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ ก็เป็นสิทธิของคู่ความที่จะดำเนินคดีต่อไป
ในการไกล่เกลี่ย ย่อมเป็นของธรรมดาที่จะต้องให้ต่างฝ่ายต่างลดลาวาศอกลง บางทีท่านอาจจะพูดอะไรทำนองนั้น เลยทำให้คู่ความเกิดความรู้สึกในทางไม่ดีได้ ก็อย่าไปคิดอะไรมาก เพราะถึงอย่างไรถ้าเราไม่ตกลงศาลท่านก็ต้องพิจารณาคดีให้ต่อไปอยู่ดีแหละ