เรียน อาจารย์มีชัย ที่เคารพ
กระผมมีเรื่องที่จะขอคำปรึกษาจากอาจารย์ดังนี้ครับ ที่บ้านผมจังหวัดยโสธร ตอนนี้หลานผมอายุ 15 ปีถูกเพื่อนบ้านแจ้งความดำเนินคดีดังข้อเท็จจริงต่อไปนี้ครับ เวลากลางคืนประมาณ เกือบ 2 ทุ่มหลานผมต้องไปนอนบ้านป้าเนื่องจากป้าอยู่บ้านคนเดียว หลังจากไปถึงบ้านป้าได้ไปยืมจักรยานจาก บ้านข้างบ้านป้าเพื่อที่ขี่จะไปเอาการบ้านจากเพื่อนที่อยู่อีกที่หนึ่งห่างกันประมาณ 100 เมตรกว่าๆ เด็กไปกันสองคน แล้วก็กลับมาที่บ้านป้าโดยใช้เส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่เส้นทางบ้านของผู้กล่าวหา ในระหว่างนี้มีคนแอบดูลูกสาวบ้านผู้กล่าวหาอาบน้ำ แล้วลูกสาวเขาร้องไห้เสียงดังมาก ทุกคนบ้านที่ใกล้กันได้ยินหมด ตอนนี้เด็กอยู่กับป้าและเพื่อนบ้านอีกหลายคนยืนยันว่าเด็กอยู่ที่บ้าน หลังเกิดเหตู พ่อของผู้เสียหายได้ขี่รถสอบถามชาวบ้านว่าเห็นคนขี่จักรยานผ่านแถวนี้มั่ย พอดีมีคนเห็นเด็ก สองคนขี่รถจักรยานคนที่เห็นเพราะเด็กผ่านบ้านคนที่เห็นเพื่อไปเอาการบ้านจากหลานคนที่เห็น แต่บ้านหลังนี้กลับบ้านที่เกิดเหตุอยู่ไกลกันมากพอสมควร เขาบอกว่าเห็นเด็กามจากถนนข้างบ้านผู้เสียหาย(เป็นคนละเส้นทางที่เด็กบอกว่าเดินทางไปเอาการบ้าน) ซึ่งอยู่ไกลประมาณ 100 เมตร ตอนนี้เขาแจ้งข้อหาต่อตำรวจว่า บุกรุกในยามวิกาล แต่เราก็มีพยานยืนยันว่าเด็กอยู่ที่บ้านตอนเกิดเหตุ แต่พ่อผู้เสียหายไม่ยอม เรื่องก็เลยถึงตำรวจ ตอนนี้เด็กมีความเครียด ไม่ยอมพูดจา พูดน้อยลง เด็กก็ยืนยันไม่ได้ทำ เพราะไปด้วยกันสองคน แต่เขาแจ้งข้อหาเราคนเดียว เด็กยืนยันอยู่ด้วยกันตลอดตอนเกิดเหตุ ข้อเท็จจริงเบื้งต้นเป็นอย่างนี้ครับ กระผมใคร่ขอให้อาจารย์ให้คำแนะนำ และข้อคิดเห็นต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นครับ ว่าเรื่องจะไปถึงไหนอย่างไร เพราะตอนนี้ผมเป็นห่วงเด็กมาก ขอขอบคุณครับ
ขอแสดงความนับถือ
ทรงสิทธิ์ สว่าวงษ์
เรียน คนยโสธร
ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่เล่ามา ในเวลาที่ถูกสอบสวนไม่ว่าโดยใคร ก็ต้องให้การไปตามนั้น ข้อสำคัญหากถูกกล่าวหาขึ้นเมื่อไร ก็ควรต้องปรึกษาทนายความ อย่านิ่งนอนใจ เพราะความไม่รู้จะทำให้ถูกขู่เข็ญได้ง่าย