ส.ว. 35 คน ครบองค์ประกอบจำนวนสมาชิกตามมาตรา 142 รธน. หรือไม่ ยื่นให้วินิจฉัยคุณสมบัติกกต. เพราะไม่เป็นกลางได้หรือไม่
ในความเห็นของผม ท่านพ่อจะเห็นด้วยหรือไม่
1.ตามมาตรา ๑๔๒ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓๗ หรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา ๑๓๙ และให้ประธานรัฐสภาส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่ากรรมการการเลือกตั้งผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหรือไม่
ถ้าให้ผมตีความแบบตรงๆ ก็คือ จำนวน 1 ใน 10 คิดจาก สมาชิกทั้งสองสภา คือ 700 คน หรือ เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา แม้สภาใดสภาหนึ่ง เหลือเท่าใด ก็ตาม แต่ต้องมีสองสภา
ฉะนั้น ผมว่า 35 คน ทำไม่ได้ เพราะไม่ครบจำนวนองค์ประกอบตามมาตรา 142
2.ตามมาตรา 136 คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีกสี่คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ถ้าให้ผมตีความแบบตรงๆ อีก ผมก็ว่า ในมาตรา 142 ไม่ได้ระบุ มาตรา 136 ไว้ จะยื่นให้วินิจฉัยกรณี 136 ไม่ได้ วินิจฉัยได้ เพียง 137 หรือ 139 เท่านั้น เพราะว่า กกต.จะพ้นจากตำแหน่งนอกจากออกตามวาระ มีหลายกรณีได้แก่ ตาย ลาออก ถูกถอดถอน และในเรื่องขาดคุณสมบัติ ตาม 137หรือกระทำการอันต้องห้ามตาม 139
ผมจึงพยายามไปอ่านเจตนารมณ์ ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมของสสร. ปรากฏว่า กรรมาธิการบอกว่า "คำว่า "ผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" เป็นเพียงคำที่เป็น ไกด์ไลน์ ที่กกต.ต้องมีลักษณะเช่นนี้ แต่มิใช่กรณีที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง " ก็เลยเข้าใจได้ว่า มาตรา136 ไม่อยู่ในข่ายที่จะเอามาใช้วินิจฉัยกรณีที่ขาดคุณสมบัติ ถ้ากกต.ขาดคุณสมบัติ 137 หรือ 139 ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง แต่ต้องรอให้วินิฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน
ฉะนั้น แล้ว ผมว่า ถ้ากกต. มีพฤติกรรมที่ขาดความเป็นกลางก็ดี ไร้ความซื่อสัตย์สุจริตก็ดี ช่องทางอื่น ก็มี เช่น ถอดถอน ฟ้องอาญา เป็นต้น
จึงนำไปสู่ความเห็นที่ขอประทานกราบด้วยความเคารพต่อกรณี ท่านพ่อตอบ มาตรา 168 เมื่อซักครู่ว่า
"สว.รักษาการทำได้หมด ไม่ห้ามไว้"
ส่วนความเห็นของผม ผมว่า "สว.รักษาการจะทำได้ เพียงกรณีที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 168 เท่านั้น เพราะมาตรา 131 ก็ดี ก็บัญญัติไว้ว่า เพื่อประโยชน์ที่ต้องทำกรณี 168 และ 168 ก็บอกไว้ หลายกรณี
จริงอยู่การที่ เพื่อประโยชน์ตาม 168 เราต้องทำหน้าที่อื่นด้วย เพื่อให้เข้าสู่การประชุม 168 ได้ แต่มันต้องมีกฎหมายรองรับเพื่อเข้าสู่การทำหน้าที่ ตาม 168 เช่น หากมีกรณีที่ต้องพิจารณาถอดถอนก็จะต้องพิจารณาเพื่อหาพยานหลักฐานหรือรวบรวมพยานหลักฐานในด้านอื่นๆ ได้ ซึ่งขอยืนยันว่า ต้องอยู่ในข่าย 168 เท่านั้น มิใช่ได้ทุกเรื่อง
ฉะนั้น สว.รักษาการ ต้องดูมาตรา 131 ประกอบกับ มาตรา 168 ทุกกรณีไป
แต่ถ้าเป็นสว.ชุดใหม่ถ้าหากรับหน้าที่แล้ว จึงจะดำเนินการอื่นๆ ได้ทั้งหมด แต่จะประชุมวุฒิสภามิได้ ยกเว้น 3 กรณีตามมาตรา 168
จึงกราบเรียนมาด้วยความเคารพ
ลูกสภา
|