เรียน อาจารย์มีชัยที่นับถือคา

มีปัญหาหาเกี่ยวกับมรดกที่ดินที่จะเรียนถามคา คือ หนูได้รับมรดกที่ดินซึ่งเป็นสวนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้คา มรดกชิ้นนี้เป็นสินส่วนตัว ที่เกิดขึ้นจากการซื้อของพ่อและแม่หนู(ประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว)ต่อมาไม่นานแม่ได้เสียชีวิตลง และพ่อได้มีภรรยาใหม่ (จดทะเบียน)และไม่นานมานี้พ่อได้เสียชีวิตลง พ่อได้ยกที่ดินแปลงนี้ให้หนูคนเดียว (หนูมีพี่น้อง 3 คน + แม่ใหม่ 1 คนคะ)โดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ แต่ได้สั่งน้องของพ่อ(อา)ไว้ด้วยวาจาก่อนเสียชีวิต ส่วนพี่น้องคนิ่นๆก็ได้รับแบ่งปันเป็นที่ดินบ้าง บ้านอาศัยบ้างเท่าๆกันไป

แต่ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อหนูมาขอโอนที่ดิน ทางที่ดินให้หนูหาหลักฐานคือมรณะบัตรของพ่อ ของแม่(หนู) ของปู่ และของย่า ใบมรณะบัตรของพ่อหนูหาได้เพราะเพิ่งเสียชีวิตไป ส่วนของแม่ซึ่งเสียชีวิตเมื่อหนู(และพี่)เรายังเด็กมาก และพ่อเองก็ไม่เคยสนใจในเอกสารเหล่านั้น มาบัดนี้ไม่ทราบว่าเอกสารสูญหายไปไหนคา ส่วนของปู่ของย่าก็สุดที่จะติดตามเอามาได้ เนื่องจากครอบครัวพ่อเป็นคนโพ้นทะเลมาจากเมืองจีน และยังเป็นคน ตจว. ซึ่งไม่มีทางที่จะหาเอกสารเหล่านี้มาได้เลยคา  และตอนนี้ของพี่ ของน้องก็ยังทำโอนไม่ได้

1.-มีหลักฐานอื่นที่จะใช้แทนมรณะบัตรของ แม่ ปู่ และ ย่า ที่เสียชีวิตไปแล้วหรือไม่

2.-ทางที่ดินจังหวัด แนะนำให้ติดต่อทนาย เพื่อทำเรื่องร้องขอต่อศาล ถ้าทำเช่นนี้ คือ ต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกขึ้นมาใช่หรือไม่ และเมื่อแต่งตั้งแล้ว ก็เท่ากับว่า เราพี่น้อง เอามรดกมารวมกันและ จัดการแบ่งออกไปใหม่อย่างนั่นใช่มั้ยค่ะ (คือ หนูเองก็อยากประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะมูลค่าของมรดกก็ไม่น้อย จะต้องเสียค่าธรรมเนียมมากอยู่แล้ว ยังมามีค่าใช้ค่าจ้างทนายอีก เกรงว่าจะไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้)

3.-น้องของหนูยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ได้รับมรดกเป็บ้านและที่ดิน กรณีนี้ต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกใช่ไหมต่ะ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ไว้ ณ ที่นี้คะ

เรียน เด็กบ้านนอก

      ถ้าไม่มีผู้จัดการมรดก เวลาไปโอนมรดก ก็จะเกิดปัญหาอย่างที่ประสบอยู่ ดังนั้นจึงควรตั้งพี่น้องทุกคน(ที่อายุเกิน ๒๐ ปีแล้ว) ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก แล้วจัดการโอนทรัพย์สินทั้งหมดมาไว้ในชื่อของผู้จัดการมรดก หรือจะโอนให้แก่ผู้รับมรดกแต่ละรายก็ได้ เจ้าหน้าที่เขาก็จะไม่ยุ่งด้วย  ค่าใช้จ่ายในการตั้งผู้จัดการมรดกมีไม่มากนักหรอก ค่าจ้างทนายความก็คงไม่แพง