ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแล้ว เป็นเงิน 10 ล้านบาท ผู้จะซื้อวางเงินมัดจำ 1 ล้านบาท ผู้จะซื้อได้รับอนุมัติสินเชื่อจากทางธนาคาร ได้วงเงินกู้ 8 ล้านบาท จึงไม่พร้อมในการโอน และอ้างว่าต้องกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ภายนอก แต่ไม่ได้ และจะขอกู้เงินจากผู้จะขายโดยไม่มีหลักประกัน เป็นจำนวน 1 ล้าน ทางผู้จะขายได้ปฎิเสธเนื่องจากเห็นว่าอาจจะมีปัญหาภายหลังได้ เนื่องจากไม่มีหลักประกันใดๆ และแนะนำให้หาเงินกู้จากแหล่งอื่น ทางผู้จะซื้อ ขอเงินมัดจำคืนเนื่องจากอ้างว่า หลักฐานเอกสารที่ดินสลับกับที่ข้างเคียง (เนื่องจากการแบ่งแยกของ จนท.ที่ดิน ผิดพลาด)แต่ผู้จะขายได้ให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงที่ถือโฉนดสลับกันเซ็นต์หนังสือรับทราบการซื้อขายและยินยอมที่จะโอนโฉนดให้ถูกต้องในวันโอนกรรมสิทธิ์แล้วโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และได้ต่ออายุสัญญาวันโอนกรรมสิทธิ์ออกไปตามสมควรอีก 20 วันแล้ว และส่งให้ธนาคารที่ได้อนุมัติสินเชื่อแล้ว
1.ผู้จะขายควรดำเนินการอย่างไร เนื่องเพราะเสียโอกาสทางการขายไป (ตั้งแต่ 27 มกราคม 2549 ถึง 5 พฤษภาคม 2549 หลังจากที่ต่ออายุสัญญาให้แล้ว)เพราะหลังจากที่ ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้จะซื้อปิดประกาศขาย-เช่า หน้าอาคาร อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะขายได้ยากขึ้น
2.ขอคำแนะนำ จากอาจารย์ด้วยครับ เมื่อเจตนาในสาระสำคัญในการซื้อขายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ผู้จะซื้อจะได้รับที่ดินตรงตามเจตนา จะเป็นเหตุให้ผู้จะซื้อเรียกเงินมัดจำคืนได้หรือไม่ ทั้งที่ระบุไว้ในสัญญาว่าหากไม่ทำการโอนกรรมสิทธิ์ ภายในกำหนด ผู้จะขายมีสิทธิ์ยึดเงินมัดจำได้ทันที ผู้จะขายได้แจ้งเป็นหนังสือล่วงหน้าแล้วว่า จะขอบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขายตามที่ได้ตกลงกันไว้
ขอขอบพระคุณครับ
ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา อีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญา ริบเงินมัดจำ และเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น (ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามีความเสียหายเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง)