ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    016648 บ้านที่สามีสร้างในที่ดินของภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสเอ๋12 เมษายน 2549

    คำถาม
    บ้านที่สามีสร้างในที่ดินของภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

    เรียน  อาจารย์มีชัย

              ดิฉันและสามีอยู่กินและทำงานร่วมกันมา12ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส สามีมีบุตรที่เกิดจากภรรยาเก่าซึ่งจดทะเบียนและหย่ากันแล้ว3คนและบุตรจากภรรยาน้อยที่มีก่อนหย่าอีก1คน  ประมาณ7ปีก่อนสามีได้ลงทุนทำกิจการซื้อขายไม้ยางพารา โดยนำที่ดินชื่อสามีเข้ากู้เงินจากธนาคาร กิจการดำเนินไปได้ด้วยดี โดยดิฉันมีส่วนร่วมช่วยในการทำงานตลอด  4ปีก่อนดิฉันได้ซื้อที่ดินด้วยเงินส่วนตัว เป็นโฉนด6ไร่ ใส่ชื่อดิฉันเอง สามีต้องการเงินทุนไปใช้ในกิจการที่ทำอยู่เพิ่มประกอบกับยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง( อาศัยบ้านพี่สาวสามีอยู่เพราะบ้านเดิมของสามีให้ลูกอยู่กับภรรยาเก่า ส่วนภรรยาคนแรกสามีสร้างบ้านใหม่ให้อยู่กับลูก )   สามีจึงสร้างบ้านในที่ดินของดิฉัน เพื่อสามารถเพิ่มมูลค่าในการนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เพิ่มวงเงินให้สูงขึ้นได้ ซึ่งดิฉันก็ได้เซ็นค้ำประกันให้เป็นวงเงิน5ล้านบาท แต่ปัญหาเริ่มมีขึ้นเมื่อสามีได้คิดซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตรปลูกยางและปาล์มน้ำมันโดยที่ไม่ได้มีเงินสดแต่ใช้เงินที่กู้จากธนาคาร ซึ่งมีภาระต้องเสียดอกเบี้ยทำให้เริ่มขัดแย้งกัน แต่ดิฉันก็ไม่สามารถทัดทานได้เพราะการเบิกจ่ายเงินเป็นอำนาจของสามี( สามีเป็นผู้กู้ ) ดิฉันก็เลยขอให้ใส่ชื่อดิฉันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วม ( ที่ดิน2แปลง 200ไร่ และ18 ไร่ ) แต่สามีปฏิเสธว่าใส่ชื่อดิฉันร่วมทั้งหมดหรือเป็นบางส่วนก็ไม่ได้เพราะ 1.พี่น้องสามีซึ่งมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการทำงานจะโกรธและไม่ยอมช่วยเหลืออีก ( พี่น้องสามีไม่ค่อยเห็นด้วยที่สามีอยู่กินกับดิฉันคอยยุแยงให้เกิดเรื่องอยู่เรื่อยแต่ดิฉันก็อดทน ) 2.กลัวว่าดิฉันจะฮุบสมบัติส่วนที่ควรจะเป็นของลูกๆซึ่งสามีใช้คำพูดแรงๆว่า"ฉันเป็นห่วงว่าพวกลูกๆจะฆ่าเธอซะ"  3.สามีบอกว่าเขาจะเขียนพินัยกรรมไว้ให้ ดิฉันจะได้ที่ดินหลังจากเขาตายแล้วถ้าดิฉันตายก่อนก็ถือว่าไม่มีวาสนา (ดิฉันไม่มีลูก มีแต่แม่กับน้องและหลานผู้หญิง1คน)    ดิฉันก็ไม่พอใจแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

           ต่อมาสามีได้ให้ลูกชายคนโตซึ่งมีครอบครัวแต่ทำงานได้ไม่พอรายจ่ายเพราะเรียนจบแค่ม.6และเคยติดยาบ้าแต่บอกว่าเลิกได้แล้ว มาทำงานด้วยโดยขอให้อยู่รวมกันในบ้านที่สร้างในที่ดิฉัน  ก็จะมีปัญหาจุกจิกมาเรื่อยๆ   เมื่อเดือนมิถุนายน48 ดิฉันและสามีไม่อยู่บ้าน  สามีให้ลูกชายคอยดูแลงานและลูกน้องแทน3-4วัน กลับมาลูกเขาก็แสดงท่าทีว่าไม่ค่อยเกรงใจ มีลูกน้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าเมื่อพ่อเขาไม่อยู่เขาได้คุยอวดว่าถ้าพ่อเขาตายเขาจะสบายเลย เพราะสมบัติที่ไม่ติดธนาคาร เช่นที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ เป็นสวนยาง สวนปาล์ม       รถยนต์ที่ไม่ต้องผ่อน รถไถ รถแบคโฮ รถแทรคเตอร์จะต้องเป็นของเขากับน้องส่วนดิฉันจะไม่เหลืออะไรเลยเพราะเป็นหนี้ธนาคารอยู่  ดิฉันก็เลยไปพูดปรึกษากับสามี  ปรากฎว่าสามีไปถามแล้วเขายอมรับว่าพูดจริง  สามีแค่พูดสอนเตือนแล้วคิดว่าจบกันไป แต่ใจดิฉันยอมรับไม่ได้สามีก็รู้ว่าดิฉันไม่พอใจก็เลยให้ลูกชายกับครอบครัวไปทำงานกับพี่สาวน้องสาวของสามี ( ซึ่งเขาไม่พอใจดิฉันอยู่ก่อนแล้ว ) ดิฉันก็คิดว่าต้องตัดสินใจออกจากบ้านด้วย เพราะสามีก็โกรธที่ดิฉันเอาเรื่องมาปรึกษา แล้วทำให้เขาต้องไล่ลูกชายออกจากบ้าน ( แต่ที่จริงไม่ได้ไล่แค่ให้หยุดงานที่นี่แล้วให้ไปทำงานกับป้าและน้าซึ่งเป็นงานที่เขาทำอยู่ก่อนแล้ว ) และในบ้านที่อยู่กันก็มีแต่ญาติของสามี    ดิฉันเหมือนตัวคนเดียวกลัวสามีโมโหแล้วพาลทำร้าย เพราะเขาพูดว่าดิฉันมีแต่หาปัญหามาให้เขาต้องเสียอารมณ์อยู่เรื่ิอยๆ แต่เขาไม่มองว่าปัญหามาจากญาติและลูกๆเขาตลอดดิฉันเลยหมดความอดทนตัดสินใจเก็บของออกจากบ้าน 

    ดิฉันอยากเรียนถามอาจารย์ว่า

    1.ทรัพย์สินที่มีเพิ่มมาจากการทำงานร่วมกันดิฉันมีสิทธิบ้างหรือไม่ เพราะดิฉันออกมามีแค่เสื้อผ้ากับรถยนต์1คัน ที่เป็นชื่อของตัวเองแต่ยังต้องผ่อนชำระค่างวดอีก36งวด ซึ่งดิฉันไม่มีรายได้จากทางอื่นเลยนอกจากงานที่ทำร่วมกัน ตอนอยู่ด้วยกันเขาให้ค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนเดือนละ15,000บาทไม่รวมค่าผ่อนรถหลังจากดิฉันออกมาแล้วเขาก็ไม่ให้อีกเลย

    2.ถ้าจะฟ้องร้องแบ่งสินทรัพย์ ต้องทำอย่างไร มีโอกาสแพ้ ชนะแค่ไหน 

    3.หลังจากดิฉันออกมาจากบ้านเขาเปลี่ยนกุญแจบ้าน และให้ภรรยาเก่าทั้งสองคนกับลูกมาอยู่ด้วย ดิฉันควรทำอย่างไรเพราะข้าวของดิฉันยังมีอยู่อีกมากแต่ไม่อยากไปทะเลาะกันให้อายชาวบ้าน ( สามีเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วย ) เขาบอกว่าให้ดิฉันโอนบ้านและที่ดินให้เขาเสีย ดิฉันขอแลกด้วยเงิน1.5ล้านเขาไม่ยอมบอกว่าให้ได้แค่เท่ากับจำนวนเงินที่ดิฉันจ่ายซื้อที่ดินมาเท่านั้น ( 3แสนเศษ )

    4.เมื่อตอนสร้างบ้านหลังนี้เสร็จใหม่ๆเขาเคยคุยให้ญาติๆหลายคนฟังว่าบ้านนี้เขาสร้างให้ดิฉัน สามารถใช้อ้างเป็นหลักฐานพยานถ้าฟ้องศาลได้หรือไม่

    .ดิฉันอยากให้คุยตกลงกันได้โดยไม่ต้องฟ้องศาล แต่สามีเป็นคนเอาแต่ใจ ตัวดิฉันเองก็ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่พอจะเป็นคนกลางช่วยคุยไกล่เกลี่ยให้ได้จึงเรียนมาปรึกษาขอให้อาจารย์ช่วยแนะแนวทางให้ด้วยขอบพระคุณค่ะ

    คำตอบ

    เรียน คุณเอ๋

         ขอตอบรวม ๆ กันไปว่า ฐานะของคุณกับสามี เป็นเสมือนผู้เป็นหุ้นส่วน อะไรที่เป็นของคุณอยู่ก่อนก็เป็นของคุณ อะไรที่ทำมาหาได้ด้วยกันก็เป็นของหุ้นส่วน เมื่อจะเลิกการเป็นหุ้นส่วน ก็ต้องแบ่งกันไปคนละครึ่ง  ถ้าตัดสินใจว่าจะเลิกกับเขาแน่ ๆ ก็ควรรีบหาทนายความเพื่อช่วยจัดการให้

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    12 เมษายน 2549