สืบเนื่องจากการพัฒนาจังหวัดของผู้ว่าซีอีโอ ซึ่งมียุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงมีการของบประมาณ200 กว่าล้านบาทมาพัฒนาเมืองกำแพง โดยจะพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง ให้เป็นสวนสาธารณะซึ่งที่ดินดังกล่าวนี้ได้จัดทำเป็นตลาดนัดในวันอาทิตย์มาเป็นเวลายาวนานเกือบ 20 ปี เนื่องจากจังหวัดกำแพงเป็นเมืองเล็กๆไม่มีห้างสรรพสินค้าดังนั้นพวกแม่ค้าและ ชาวบ้านได้นำสินค้ามาจำหน่ายกันทุกวันอาทิตย์มีทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้า ต้นไม้มีลักษณะคล้ายตลาดนักจตุจักร ชาวกำแพงได้อาศัยเป็นแหล่งทำมาหากินมีร้านค้าเล็กประมาณ 400 ร้าน(400ครอบครัว) เปิดขายตั้งแต่เช้าถึง3โมงเย็นทำมานานจนเป็นที่รู้จักแม้ชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในกำแพงเช่นพวกสอนศาสนาหรือพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนก็จะรู้จักซันเดย์มาร์เก็ตเป็นอย่างดี ชาวบ้านอำเภอใกล้เคียงเช่น พรานกระต่าย คลองขลุง หรือตำบลใกล้เคียงก็มาจับจ่ายใช้สอยกัน เนื่องจากเป็นแหล่งศูนย์กลางการคมนาคม มีบริเวณกว้างขวาง ร่มรื่น สะดวกกับผู้มาค้าขายและผู้มาซื้อ แต่ปัจจุบันจังหวัดจะให้ยกเลิกเพื่อพัฒนาเป็นสวนสวยโดยไม่สนใจปากท้องประชาชน เมื่อชาวบ้านส่งตัวแทนไปเข้าพบท่านผู้ว่า ท่านก็ไม่แก้ปัญหาให้แต่โยนไปให้เทศบาลแก้ปัญหา เทศบาลก็จะแก้ปัญหาโดยให้ย้ายไปขายในตลาดสดของเทศบาลที่จัดทำขึ้นแล้วไม่ประสบความสำเร็จไม่มีลูกค้าไปซึ้อของ เนื่องจากมีบริเวณคับแคบและอยู่ในใจกลางเมือง ไม่มีที่จอดรถ นอกจากนี้ยังจะให้ขายในวันอังคารซึ่งไม่ใช่เป็นวันหยุดแทน ซึ่งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าไม่สะดวก ทำให้ปัจจุบันบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็ยังคงปักหลักค้าขายอยู่รอบๆบริเวณเดิมบนท้องถนน เนื่องจากบริเวณเดิมกำลังอยู่ระหว่าถมดิน เมื่อขายบนท้องถนนก็ถูกตำรวจขอร้องว่าเป็นการกีดขวางทางจราจรทำให้เป็นปัญหากันอยู่ โดยทางจังหวัดไม่คิดจะเข้ามาแก้ไขได้แต่พูดว่าให้คนส่วนน้อยที่ค้าขายเห็นแก่หน้าตาของจังหวัดเราจะได้มีหน้ามีตา ทำไมข้าราชการจึงสนใจแต่เมกกะโปรเจกชอบแต่โครงการก่อสร้าง ทำไมไม่คำนึงถึงปากท้องของประชาชนโดยสนใจแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีแหล่งทำมาหากินโดยสุจริต นอกจากนี้ยังอนุรักษ์วัฒนธรรมตลาดดั้งเดิมที่มีวิถีชีวิตมายาวนานถึง 20 ปีไม่ต้องอาศัยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของต่างชาติ การระดมสมองพัฒนาจังหวัดก็ไม่เคยให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเมื่อคิดกันเองก็ทำให้เกิดผลกระทบทำความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน และก็ไม่ยอมแก้ปัญหา โยนกันไปมาระหว่างจังหวัดกับเทศบาล ชาวบ้านไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จะไปหาสส. ก็สส.นั้นแหล่ะเป็นเจ้าของโครงการ200กว่าล้านบาทนี้ ข้าพเจ้าจึงขอรบกวนเรียนถามท่านมีชัยว่าปัญหาควรร้องเรียนให้หน่วยงานใดช่วยแก้ไข ที่สำคัญเวลาจังหวัดจัดงานเช่น งานนบพระเล่นเพลง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จังหวัดสามารถจัดให้ร้านค้าที่เสียค่าเช่าที่ให้กับผู้รับเหมาสามารถเข้าไปขายในบริเวณดังกล่าวได้(ในการจัดงานจังหวัดจะขายสิทธิให้กับผู้รับเหมา) แต่พอหมดงานกับไม่ยอมให้ชาวบ้านไปขายได้เช่นเดิมเพียงสัปดาห์ละ 1 วันเท่านั้น
หวังว่าคงได้รับความกรุณาที่จะให้ข้อเสนอแนะและทางออกที่จะแก้ปัญหาให้กับผู้ทำกินที่เดือดร้อนด้วย
ด้วยความนับถือเป็นอย่างยิ่ง