เรียนท่านอาจารย์มีชัย
ผมกำลังศึกษาอยู่มหาวิทาลัยธรรมศาสตร์ ปี 4 คณะนิติศาสตร์ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2547 ขณะที่พี่ชายของกระผมกำลังขับรถอยู่นั้น รถของพี่ชายผมเกิดเสียและเครื่องดับกระทันหันในขณะที่พี่ชายผมขับรถอยู่ในเลน 2 ดังนั้นพี่ชายผมจึงปล่อยให้รถไหลเพื่อที่จะชิดขอบทางในเลนที่ 1 แต่รถหมดแรงเสียก่อนทำให้รถที่ตามมาข้างหลังเฉี่ยวชนกับรถของพี่ชายของผม ซึ่งทางตำรวจก็ปรับคนละ 400 บาทแต่ผมไม่ทราบว่าปรับในข้อหาอะไรเพราะผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ และพี่ชายผมก็ทำบันทึกประจำวันหายไปแล้ว โดยตำรวจบอกว่าฝ่ายพี่ชายผมผิดเต็มๆเพราะนำรถเสียมาวิ่ง ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม 2549 ทางผู้รับประกันของคู่กรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายในการซ่อมรถ 35,000 บาท โดยนัดไกล่เกลี่ย ให้การ สืบพยานในเดือน พฤษภาคม 2549 กระผมกับพี่คิดว่าอาจจะไม่จ้างทนายความเพราะเป็นคดีมโนสาเร่เราให้การด้วยวาจาได้ กระผมจึงใคร่ขอสอบถามแนวทางในการสู้คดีดังต่อไปนี้ว่าสมควรและถูกต้องหรือไม่
1. คดีขาดอายุความเนื่องจากไม่ได้ฟ้องภานใน 1 ปีนับแต่วันละเมิด (แต่ผมติดอยู่ในประเด็นที่ว่ากรณีนี้จะถือว่าเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่ เพราะหากเป็นจะทำให้อายุความขยายเท่าคดีอาญา ดังนั้นผมจึงใคร่ขอรบกวนถามอาจารย์ว่า การที่เราขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์ผู้อื่นเสียหาย ถือเป็นความผิดอาญาหรือไม่ครับ โดยผมค้นดูจาก พ.ร.บ. จราจร ผมไม่เห็นบทบัญญัติเรื่องดังกล่าวโดยตรง มีแต่ขับรถประมาทโดยประการน่สจะก่อความเสียหายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น แล้วหากเป็นความผิดอาญาถือเป็รคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่ครับ และมีระวางโทษเท่าใดเพื่อที่ผมจะดูว่าคดีดังกล่าวมีอายุความอาญาเท่าใด)
2. คู่กรณีก็มีส่วนผิดด้วย เพราะไม่เว้นระยะห่างพอสมควรเมื่อจำเป็นจะต้องหยุดรถ
เท่าที่ผมคิดได้ตอนนี้มีอยู่ 2 ประเด็นครับ หากอาจารย์เห็นว่าควรจะมีประเด็นอะไรเพิ่มเติม กรุณาแนะนำด้วยครับ
ขอแสดงความนับถือ
สมเกียรติ
เรียน คุณสมเกียรติ์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์โดยประมาทไม่มี หากจะมีความผิดก็เป็นเรื่องของการขับขี่รถโดยประมาท ลองค้นดูจากกฎหมายรถยนต์ และกฎหมายขนส่ง และกฎหมายจราจรทางบกดูประกอบ ส่วนเรื่องประเด็นการต่อสู้นั้น เท่าที่ฟังดูก็น่าจะดีแล้ว