กราบเรียนอาจารย์มีชีย  ที่เคารพ

ดิฉันขอเริ่มโดยการเล่ารายละเอียดดังนี้นะคะ   คือดิฉันทำงานอยู่ที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่งตั้งแต่ปลายปี 2547 รายได้เป็นค่าคอมฯ ล้วน ๆ ซึ่งในระบบการทำงานของทีมดิฉันจะเป็นแบบอิงกลุ่ม ทำให้ปลายปีดิฉันมีรายได้สูงกว่าความเป็นจริงที่ดิฉ้นทำยอดมาก ซึ่งดิฉันก็รับทราบและยินยอมตั้งแต่ต้น เพราะต้องการทำผลงาน ขณะเดียวกันที่บ้านคุณพ่อเปิดร้านขายของชำ โดยใช้ชื่อดิฉันเป็นเจ้าของร้านมาหลายปี ดิฉ้นแต่งงานและจดทะเบียนสมรสปลายปี 2546 และแล้ววันหนึ่งผู้รับทำบัญชีที่คุณพ่อว่าจ้าง  โทรมาแจ้งว่าสรรพากรตรวจสอบว่าดิฉันยื่นภาษีไม่ถูกต้อง นับตั้งแต่จดทะเบียนสมรส ซึ่งทางผู้ทำบัญชีไม่ทราบว่าดิฉันจดทะเบียนสมรสเมื่อไร จึงยื่นภาษีไปตามปกติเหมือนเช่นเคย

ดิฉันอยากจะถามอาจารย์ดังนี้นะคะ

1.  ทำไมจดทะเบียนสมรสปลายปี 2546 ( 9 ธ.ค.2546) ต้องยื่นภาษีใหม่ตลอดทั้งปีค่ะ (ผู้ทำรับบัญชีบอกว่าต้องเอารายได้ของร้านมารวมกับสามีด้วย)

2.  รายได้ที่เกิดจากสถาบันการเงิน และร้าน ต้องคิดรวมกับสามีด้วย เพราะไม่ใช่เงินเดือน แต่มีบางคนบอกว่าสามารถยื่นแยกได้ โดยจะไม่คิดรวมกัน จริงหรือเปล่าค่ะ  หากจริงต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ

3. คุณพ่อแนะนำ (เชิงบังคับ) ให้เราไปหย่ากัน  เพราะยุ่งยากเรื่องภาษี ทั้งของร้าน และสถาบันการเงินที่ดิฉันทำยอดสูงมาก (คุณพ่อเป็นคนจ้างภาษีให้เราทั้งคน หากมีการเรียกเก็บ) อาจารย์คิดว่าควรหรือไม่ค่ะ  หรือมีทางออกที่ดีกว่านี้

4. หากหย่ากันจริง ดิฉันอยากจะใช้นามสกุลเดิมของสามีจะได้หรือเปล่าค่ะ  และตอนไปหย่า จะแจ้งนายอำเภอด้วยเหตุผลอะไรดี

ขอรบกวนอาจารย์ช่วยตอบให้ด้วยนะคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

อานัต

เรียน คุณอานัด

      1. เมื่อสถานภาพเปลี่ยนแปลงไป การยื่นแบบภาษีก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะจะต้องคำนึงถึงรายได้ของคู่สมรสด้วย

      2. การยื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับสามีภรรยานั้น จะยื่นรวมกันหรือแยกกันยื่นก็ได้ แต่ผลก็เหมือนกัน เพราะเขานำมาคำนวณรวมกันอยู่นั่นเอง

      3.  การเก็บภาษีของรัฐนั้น เขาเก็บบนรายได้ และเก็บไปบางส่วนเท่านั้น คนทุกคนก็ต้องเสียภาษีเหมือนกัน ยกเว้นคนที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง ซึ่งก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ในเวลาอันจำกัด และบางทีนำความทุกข์ร้อนมายิ่งเสียกว่ายอมเสียตรงไปตรงมาอีก  การจะยอมสละชีวิตครอบครัวเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนั้น อาจประสบปัญหายิ่งกว่าปัญหาเรื่องภาษีด้วยซ้ำไป ไปควรทำเป็นอย่างยิ่ง ทางแก้อย่างอื่นก็พอมี เช่น แทนที่จะให้รายได้จากทางร้านเป็นรายได้ของคุณ ก็ให้เป็นรายได้ของบิดาหรือญาติพี่น้องที่ไม่มีรายได้เสีย  รายได้ของคุณก็จะลดน้อยลง ลองปรึกษาคนทำบัญชีเขาดูเขาอาจแนะนำได้ว่ามีช่องทางอย่างไรบ้าง เขาขายหุ้นกันเป็นหมื่น ๆ ล้าน ยังไม่ต้องเสียภาษีสักสตางค์เดียว ก็ทำกันมาได้แล้ว คุณจะไปยอมอับจนอยู่ทำไม

      4. เมื่อหย่ากันแล้วถ้าสามียอมให้ใช้สกุลเดิมก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าวันหนึ่งเขาไปจดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่น ภรรยาใหม่ก็จะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้อง เขาก็อาจมาเรียกร้องให้คุณเลิกใช้สกุลนั้น หากมีลูก ๆ คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นบุตรนอกสมรส มีแต่แม่ ไม่มีพ่อ