กราบเรียน ท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์
ขอเรียนถามท่านเรื่องการจัดการกับมรดก / ผู้จัดการมรดก
คือว่าบ้านและที่ดินของครอบครัวได้จำนองไว้กับธนาคารหนึ่งได้ประมาณ 10 ปี แล้ว โดยในโฉนดที่ดินเป็นชื่อแม่คนเดียว (นับจากวันนี้ แม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว 5 ปี) หลังจากแม่ได้เสียชีิวิตไปแล้ว ประมาณ 3 ปี ทางธนาคารก็ได้เรียกให้พ่อกับน้องไปจัดการเรื่อง การแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก และทางดิฉันและพ่อ ก็เลยแต่งตั้งน้องชายเป็นผู้จัดการมรดก ตั้งแต่นั้นมา (ตอนนั้นดิฉันติดธุระ ก็เลยไม่ได้ไปร่วมด้วย ก็เลยได้แต่ยินยอมให้น้องชายจัดการ) ในการผ่อนชำระกับธนาคาร ดิฉันเป็นคนเดียวที่่จ่ายให้กับทางธนาคารมาโดยตลอด ก็มีแบบขาดชำระบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งเรื่องนี้พ่อและน้องชายก็รับรู้ดี (เพราะเขาไม่มีกำลังที่จะผ่อนชำระเลย และตอนนี้พ่อและครอบครัวของน้องชายก็อาศัยอยู่ในที่ดินแห่งนี้) ดิฉันจึงขอเรียนถามท่านเป็นข้อ ๆ ว่า...
1. ตอนนี้ดิฉันกำลังจะรวบรวมเิงินไปปิดบัญชี (กำลังต่อรองเรื่องขอลดเงินอยู่) คาดว่าจะไปปิดประมาณ เดือนมิถุนายน นี้ คำถามคือว่า ตอนนี้น้องชายเป็่นผู้จัดการมรดกอยู่ ถ้าในวันไถ่ถอนออกจากธนาคาร และจะต้องไปที่กรมที่ดิน ไม่ทราบว่า หลังจากไถ่ถอนจากธนาคารแล้ว ในโฉนดที่ดินที่จะรับกลับ จะลงชื่อเป็นของดิฉันคนเดียวได้หรือไม่ หรือจะต้องมีชื่อน้องชายอยู่ด้วย (น้องชายไม่มีปัญหาเรื่องที่หากดิฉันจะเป็นเจ้าของ หรือมีชื่อในโฉนดคนเดียว) ขั้นตอนในการโอนหรือเปลี่ยนชื่อจากแม่เป็นของดิฉันคนเดียว จะยุ่งยากหรือไม่
2. หรือ ตอนนี้ถ้าหากจะเปลี่ยนชื่อผู้จัดการมรดก จากชื่อของน้องชาย เป็นชื่อของดิฉันแทน จะยุ่งยากหรือไม่ จะต้องทำอย่างไร และจะใช้เวลานานเท่าใด ตอนนี้ดิฉันทำงานอยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกที่จะต้องไปทำเอง จะใช้หนังสือมอบอำนาจแทนได้หรือไม่ หรือจะต้องไปทำเรื่องด้วยตัวเอง ก่อนที่จะทำการไถ่ถอนที่ดินออกจากธนาคาร
ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าคะ
นภวรรณ
เรียน คุณนภวรรณ
1. ถ้าตกลงกันได้ทั้งพ่อและน้องชาย การโอนที่ดินให้คุณคนเดียวก็ไม่มีปัญหาหรือยุ่งยากอะไร แต่ควรให้ทุกคนลงชื่อยินยอมโดยระบุด้วยว่าเนื่องจากคุณเป็นคนออกเงินชำระหนี้ที่มีอยู่
2. คำตอบเป็นทำนองเดียวกับข้อ 1 คือถ้าตกลงกันได้ก็ไม่มีปัญหา ส่วนการดำเนินการนั้นจะทำหนังสือมอบอำนาจให้ไปก็ได้ แต่ศาลก็คงต้องเรียกตัวไปสอบถามอยู่นั่นเอง