ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    016269 การนับผลของกากบาทในบัตรเลือกตั้งว่าไม่เลือกบุคคลหรือพรรคใด ๆสุรพล นะวะมวัฒน์2 มีนาคม 2549

    คำถาม
    การนับผลของกากบาทในบัตรเลือกตั้งว่าไม่เลือกบุคคลหรือพรรคใด ๆ
    ไม่ทราบว่า กรณีที่กากบาทในบัตรเลือกตั้งว่าไม่เลือกบุคคลหรือพรรคใด ๆ มีผลในคะแนนรวมหรือไม่และอย่างไร
    ยกตัวอย่างเช่น ในเขต ๆ หนึ่ง มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 100,000 คน ปรากฏว่า มีผู้มาเลือกตั้ง 60,000 คน และในจำนวนนี้ ผลของผู้ได้คะแนนที่หนึ่งได้ 25,000 คน (เกิน 20 % ของผู้ออกเสียง) และมีผู้กากบาทในช่องไม่เลือกใครเลย 35,000 คน นั่นคือเกินกว่าผู้ได้คะแนนสูงสุด
    ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จะถือว่าอธิปไตยของปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งหรือไม่ และถ้ามันสามารถมีผลในทางการเมือง(ถ้าไม่หัวหมอตีความจนมากเรื่อง) ก็จะได้เห็นว่าเจตนารมย์ของประชาชนผู้ไปใช้สิทธิเป็นเช่นนั้น (สมมตินะครับว่ามีคนกาในช่องไม่เลือกใครและได้คะแนนมากที่สุดในเกือบทุกเขต)  และหากเป็นเช่นนั้นเมื่อผลประกาศออกมา รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีสามารถจะใช้ มาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญดำเนินการด้านการเมืองต่อไปได้หรือไม่
    คำตอบ

     การเลือกตั้งนั้น เขาถือเอาคะแนนที่ลงให้แก่ผู้สมัครเป็นเกณฑ์ ถ้าผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนมากกว่าคนอื่น คนนั้นก็ได้รับเลือกตั้ง แต่ถ้ามีผู้สมัครคนเดียว ก็จะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เมื่อได้เกินร้อยละ  ๒๐ แล้ว ก็ถือว่าคนนั้นได้รับเลือกตั้ง  ส่วนคะแนนที่มีผู้ใช้สิทธิออกเสียงว่า ไม่ประสงค์จะเลือกใคร นั้น เขาไม่นับ เพียงแต่บอกให้รู้ว่าประชาชนคิดอย่างไรกับผู้สมัครในเขตของเขา  ถ้าบังเอิญมีจำนวนคนที่ไม่ประสงค์จะเลือกใครมากกว่าคะแนนของผู้สมัคร หรือแม้แต่ใกล้เคียงกัน ในภาษาการเมืองที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันเขาเรียกว่า "ขาดความชอบธรรม"  แต่ถ้าถือหลักตามที่รัฐบาลพูดอยู่ในเวลานี้ก็คือ ถูกต้องตามกติกาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา ๗ อะไรนั่นให้ยุ่งยาก   ตัวอย่างเช่น คนจนไปกู้เงินเศรษฐี ๕๐๐๐ บาท มีกำหนดชำระคืนภายใน ๓ เดือน และจะต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี มีเครื่องสูบน้ำที่คนจนมีอยู่เครื่องเดียวไปจำนำไว้เป็นประกัน หากผิดสัญญาจะต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ และเจ้าหนี้มีสิทธิยึดเครื่องสูบน้ำนั้นได้ ครั้นถึงกำหนดชำระหนี้ คนจนนั้นรวบรวมเงินได้เพียง ๔๙๐๐ บาท ขาดไป ๑๐๐ บาท ตามกฎหมายเศรษฐีย่อมมีสิทธิไม่รับชำระเงินนั้น และคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ตามสัญญา และเอาทรัพย์จำนำหลุดได้ การกระทำของเศรษฐีนั้นย่อมถูกต้องตามกติกาและกฎหมาย  ส่วนคนทั้งปวงจะมองเศรษฐีนั้นอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    2 มีนาคม 2549