มาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติว่า "ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคัแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
ความหมายของผู้ร่างก็คงจะมุ่งหมายว่า ในกรณีที่รัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้บัญญัติเรื่องใดไว้ แต่ในรัฐธรรมนูญเดิม ๆ เคยบัญญัติไว้ว่างอย่างไรก็ให้สามารถทำไปตามรัฐธรรมนูญเดิม ๆ ได้ หรือในกรณีที่แม้ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเดิม ๆ แต่เป็นประเพณีที่เคยทำกันมา หรือยอมรับนับถือกันว่าเป็นการกระทำที่ชอบ ก็ให้ทำได้ ถ้าถามว่าแล้วเคยทำอะไรที่ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นการชอบแล้วบ้าง ตัวอย่างที่พอนึกออก ก็คือ ในกรณีที่เกิดวิกฤติของบ้านเมืองอย่างร้ายแรง จนความสงบสุข ความปลอดภัย และความมั่นคงของประเทศและประชาชนจะเสียหาย พระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุข ก็อาจลงมาแก้ไขปัญหานั้นเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนกลับคืนสู่ความสงบได้ แต่การที่จะไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทนั้น ต้องมีวิกฤติที่ถึงขนาดจริง ๆ และทุกฝ่ายหมดหนทางจะแก้ไขได้ตามกรอบที่มีอยู่ สถานการณ์ในปัจจุบันยังเป็นเรื่องของการชิงไหวชิงพริบในทางการเมือง การโต้แย้งในทางการเมือง ซึ่งอาจยังไม่วิกฤติถึงขนาดที่จะไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นในทางการเมืองยังแตกแยกกันอยู่เช่นนี้ จึงต้องระมัดระวังมิให้ไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาท เพราะทรงอยู่เหนือการเมือง