หลักของขบวนการเลือกตั้งคือต้องสุจริต ไม่ให้สินบนแก่ใครในการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ว่าจะให้เงินตอนไหน ถ้าได้ความว่าเป็นการให้เพื่อให้คนนั้นไปลงคะแนนให้ตนหรือบุคคลใด ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำไม่สุจริต แต่เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ การช่วยเหลือเจือจานหรือทำบุญกัน ย่อมเป็นของปกติธรรมดา เพราะฉะนั้นจึงไม่อาจเหมาเอาได้ว่าถ้าใครให้เงินใครแล้วจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการลงคะแนนโดยตรงเสมอไป การใช้นโยบายประชานิยม ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นการดำเนินการตามนโยบายทีแถลงไว้ เพราะฉะนั้น แม้ในสายตาของผู้รู้ ผู้มองการไกล จะเห็นว่าจะก่อให้เกิดผลร้ายในอนาคต แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะการที่ประชาชนชอบและไปลงคะแนนเลือก ก็ต้องถือว่าเป็นสิทธิของปรเชาชน ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนชอบการพนัน แล้วตั้งพรรคมีนโยบายชัดเจนว่าถ้าได้รับเลือกแล้วจะเปิดบ่อนคาสิโน แล้วประชาชนเลือกเขาเข้ามา เขาย่อมอ้างได้ว่าเป็นประชามติของประชาชนที่จะให้เขาเปิดบ่อนได้ เวลาเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองที่มีคนเห็นว่าการกระทำของผู้ปกครองไม่ชอบ ผู้ปกครองจึงอ้างเอาประชาชนมาเป็นเกราะให้เจ็บใจเล่นได้เสมอ เพียงแต่ในหลักการสากลนั้น เมื่อใดที่ใครเข้ามาปกครองบ้านเมือง คนนั้นย่อมมีความูกพันที่จะต้องคิดถึงอนาคตของประเทศ และความสงบสุขของประชาชนในระยะยาว เรื่องบางเรื่องคนทั่วไปกระทำได้อาจไม่มีใครว่าอะไร เพราะไม่มีใครตั้งความหวังว่าคนทุกคนจะต้องเป็นคนดีหรือมีจริยธรรม แต่เรื่องเดียวกันนั้นคนเป็นรัฐบาลขืนไปทำเข้า ประชาชนก็ย่อมหมดความไว้วางใจ และมองดูคนในรัฐบาลนั้นเหมือนคนทั่วไป เมื่อถูกมองดูอย่างคนทั่วไปแล้ว ย่อมไม่อาจหวังให้คนเคารพ ให้ความไว้วางใจ หรือให้ความเชื่อถือได้ เมื่อประชาชนหมดความเชื่อถือและไว้วางใจ การบริหารงานใด ๆ ย่อมลำบากและยากที่จะได้รับความร่วมมือ