กราบเรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพอย่างสูง
ดิฉันอายุ 41ปี รับราชการ สามีเสียไป10ปี มีลูกสาว1คน ก่อนสามีเสีย พี่ชายสามีเอาที่ดินมรดก2 ผืนไปวางกู้เงินธนาคาร ที่ดินนี้ ผืนหนึ่งเป็นชื่อของสามีดิฉัน โดยเขาไม่มีการสัญญาอะไรกัน โดยพี่สามีเอาเงินก้อนไปใช้ แล้วรับว่าจะส่งเงินธนาคารคืนให้สามีทุกเดือนเอง เขาส่งได้ไม่นานก็หายตัวไป พอดีสามีเสีย ธนาคารเลยมาทวงหนี้เอาที่ดิฉันเพราะเราจดทะเบียนแต่งงานกันถูกต้อง ดิฉันต้องกลายเป็นคนรับหนี้ที่ไม่ได้ก่อนี้ ซึ่งตอนนั้นเป็นเงินประมาณ4แสนกว่าบาท ป่านนี้ไม่ทราบว่ารวมดอกเบี้ยเงินจะเป็นกี่ล้านแล้วก็ไม่ทราบคะ ธนาคารทวงมาหลายรอบ ด้วยความที่ดิฉันไม่มีความรู้เลย ก็เลยไม่ได้ติดต่อกลับไปยังธนาคาร จนปลายปีที่ผ่านมาเขาแจ้งมาว่าจะขายทอดตลาดที่ดินที่เป็นชื่อของสามีนั้น ดิฉันก็คิดว่าไม่มีอะไร จนสุดท้ายเขามีหมายศาลมาถึงดิฉัน ดิฉันหมดหนทางจริงๆ ตัวเองก็ไม่มีรายได้อื่นนอกจากเงินเดือน ซึงก็ต้องใช้เลี้ยงตัวและเลี้ยงลูก ไม่มีบ้านของตัวเอง มีเงินฝากเล็กน้อยในธนาคาร และมีรถที่ยังผ่อนไม่หมดอยู่1คัน ดิฉันจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ ถ้าเงินเป็นล้านๆจนดิฉันเกษียณ ก็คงหาได้ไม่ทันแน่ ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ เขาคงจะมายึดทุกอย่างที่ดิฉันพอมีแน่ๆ ดิฉันไม่มีหนทางจริงๆ และไม่ทราบว่าจะปรึกษาใคร จึงขอกราบรบกวนท่านอาจารย์กรุณาแนะนำทางออกให้ดิฉันด้วยนะคะ
กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง
แม่ลูก1ผู้โชคร้าย
เรียน แม่ลูก 1
การที่ธนาคารมีหนังสือมาทวงหนี้คุณ ก็เพราะที่ดินนั้นเป็นมรดกที่จะตกได้แก่คุณและลูก ซึ่งเป็นผลให้คุณต้องรับผิดในหนี้ของผู้ตายไปด้วย แต่การรับผิดนั้น ก็มีเพียงเท่าที่คุณได้รับมรดกมา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าหนี้นั้นจะมีเท่าไร คุณก็รับผิดไม่เกินราคาที่ดินที่คุณได้มรดกมา ถ้าเขายึดที่ดินนั้นไปและขายได้ไม่คุ้มกับหนี้ หนี้นั้นก็เป็นอันพับไป ธนาคารจะมาเรียกอะไรจากคุณอีกไม่ได้ เพราะหนี้นั้นเป็นหนี้ที่สามีคุณก่อขึ้นผูกพันทรัพย์สินส่วนตัวของเขา คุณจึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย ถ้าคุณไม่ติดใจกับที่ดินแปลงนี้ คุณก็ไม่ต้องไปกังวลใจกับหนี้นี้ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีการฟ้องร้อง ทางที่ดีก็ควรต้องติดตามคดีด้วย เพื่อว่าหากเขาฟ้องว่าเป็นหนี้ร่วมกัน จะได้ไปต่อสู้กับเขาได้ทันเวลา