เรียนอาจารย์ครับ
ความเดิม จากคำถามที่ 015933 ผมเป็นหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทำสัญญา เมื่อ 29/6/36เงินต้นจำนวน 250,000 บาทได้ชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ได้ 9 เดือน ต่อมาไม่ได้ชำระอีกเลย ธนาคารฟ้องเรียกหนี้เงินกู้และได้บังคับคดีขายทรัพย์จำนองทอดตลาด ผมไม่ได้สู้คดี (ยอมความ) ศาลพิพากษา คดีแดง เมื่อ 19 เม.ย 39 สำนักบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดจำนอง 4 ครั้ง แต่ขายไม่ได้ จนกระทั่ง วันที่ 9 เมษายน 2547 โจทย์ ธนาคารเป็นผู้ชื้อเองยอดเงินชื้อ 99,000 บาท เพื่อ นำมาหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆหลังจากนั้นก็เงียบไป จนกระทั้ง เมื่อ วันท่ 9 มกราคม 2549 ธนาคารมีหนังสือแจ้งว่าเงินที่ขายทอดตลาด ไม่เพียงพอชำระหนี้ โดยยังคงมีหนี้ค้างชำระเป็นเงิน 533,795 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันขายทอดตลาดจนถึงวันท่ชำระแล้วเสร็จ ให้นำเงินท่คงค้างไปชำระ ภายใน 30 วันนับแต่วันท่ได้รับหนังสือ หากพ้นกำหนดดังกล่าว จะดำเนืนการตามกฎหมายต่อไป ผมได้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ เพื่อจะขอชื้อคืน หรือให้ญาติมาชื้อ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่ขาย ขอให้ผมนำเงินมาชำระส่วนที่แจ้งไว้ 533,795 บาทโดยจะลดให้เหลือ 160,000 บาท ผมไม่รับหลักการ เพราะพิจารณาแล้วผมจะต้องเสีย ถึง 3 ส่วนโดยไม่ได้อะไรเลย
1.ผมเสียเงินส่วนท่ชำระช่วงแรกประมาณ 50,000 บาท
2.เสียบ้านพร้อมที่ดินท่จำนองไว้
3.เสียอีก 160,000 บาท
ผมขอเรียนปรึกษาและข้อแนะนำ ว่าผมจะเดินเรื่องต่อไปอย่างไรดีครับ ขอบคุณครับ
เรียน คุณสมบูรณ์
จะเรียกว่าไม่ได้อะไรเลยได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อคุณเป็นหนี้เขาก็ต้องชำระ ถ้าไม่ชำระ เขาก็ไปตามยึดทรัพย์อื่นที่คุณมีอยู่มาชำระหนี้จนกว่าจะครบ ทางที่ดีคุณควรจะไปเจรจากับธนาคารเพื่อรวมการชำระหนี้และการซื้อบ้านคืนเป็นเรื่องเดียวกัน เช่นถ้าชำระหนี้ตามจำนวนที่เขาลดให้แล้ว เขาจะขายบ้านคืนให้ในราคาเท่าไร ถ้าคิดว่าพอสมควรแก่เหตุก็ควรตกลงตามนั้น