ที่ดินไม่มีโฉนด
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ มีชัย
ผมมีปัญหาอยากรบกวนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ครับ
คุณแม่ผมได้ไปซื้อที่ดิน (เป็นที่ดินไม่มีโฉนดครับ มีแค่ใบเสียภาษีบำรุงพื้นที่ 5) โดยตั้งใจจะซื้อร่วมกับแฟนใหม่ โดยไปทำหนังสือจะซื้อจะขายร่วมกัน แต่ถูกผมคัดค้านไว้เนื่องจากแฟนใหม่เป็นผู้ชายที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายครับ (ที่ผมพูดแบบนี้เพราะว่าเขาไม่ยอมช่วยแม่ผมจ่ายเงินค่ามัดจำ รวมถึงค่าซื้อด้วย ตัวเขาเองไม่สามารถกู้เงิน ธนาคารได้ ก็ให้แม่ผมซึ่งเป็นลูกผู้หญิงเป็นคนดำเนินการให้ แต่ใช้หลักทรัพย์ของแฟนใหม่เอง เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ ให้คุณแม่ผมช่วยเหลือคดียาเสพติดเนื่องจากคุณแม่เป็นทนาย จนโดนตำรวจยัดยาบ้าให้ และ ให้แม่ผมช่วยค้ำประกันร้านซุปเปอร์มาเก็ตกับร้านขายรถยนต์ ซึ่งเวลาเพื่อนๆที่เป็นแขกมา ซื้อรถก็ไม่ยอมวางมัดจำ ไม่ผอ่นมีปัญหา จนเจ้งไปทั้งคู่ ทำให้คุณแม่ผมถูกยึดเงินที่วางค้ำไว้ 5 ล้านบาท ครับ และยังมีอีกหลายเรื่องที่แสดงถึงความไม่เป็นลูกผู้ชายของเขา) เขาจึงตัดสินใจจ่ายว่าจะซื้อคนเดียว มูลค่า 1.3 ล้านบาทครับ ซึ่งมีเอกสารสัญญาซื้อขาย ระบุจำนวนเงินเพียง 3 แสนบาทครับ ซึ่งคุณแม่ผมได้ให้เพื่อนของแฟนใหม่เป็นผู้เฝ้าที่ให้โดยไม่คิดค่าเช่าครับ แต่คุณแม่ผมได้มีสัญญาปากเปล่าว่าจะยกที่ดินให้ปลูกบ้านเป็นจำนวน 1 งานครับ
คุณแม่ผมไปดูแลที่ทุกปีครับ โดยพาญาติไปเก็บมะม่วงแต่คุณแม่ผมไม่เคยไปเสียภาษีเลยครับ หลังจากนั้นประมาณปลายปี 2545 คุณแม่ผมได้เสียชีวิตครับ ผมก็เลยไปพบกับคนที่เฝ้าที่ให้ (ผมรู้สึกว่าเขาพยายามจะโกงแม่ผมหลายครั้ง ทำให้ผมพยามยามพาบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติไปกับผม และไปถ่ายรูป และอัดเสียงคำพูดเขาไว้แต่พอดีไม่มีอุปกรณ์อัดเสียงครับ) และได้แจ้งว่าผมยังคงรักษาสัญญาตามที่คุณแม่ผมเคยบอกเขาไว้ครับ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่เขากลับบอกผมว่าให้รีบๆ ไปทำเอกสารให้เรียบร้อยเพราะแฟนใหม่แม่ผมพยายามจะให้เขาช่วยกันโกงผม โดยอ้างว่าเป็นที่ของเขาครับ ผมก็เลยให้น้องชายไปดำเนินการต่อถึงจะทราบว่าคุณแม่ไม่เคยเสียภาษีเลย ผมก็ได้เสียภาษีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2537-45
หลังจากนั้นคนเผ้าที่ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ พยายามไปถมที่ดิน (ธันวาคมปี 2547) ที่แม่ผมไม่ได้บอกว่าจะยกให้ และปลูกบ้าน (มกราคม 48) ประมาณปลายปี 2547 ซึ่งเขาได้ไปขอเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (จำนวน 45 ไร่ ที่ในระวางแผนที่ของนิคมสหกรณ์ระบุไว้จำนวน 20 ไร่ กับอีก 2 งาน)วันที่ 14 ตุลาคม 2547 ซึ่งทางผมมาทราบเรื่องการขอเอกสารดังกล่าวในวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 ก็ได้ถามไปว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ซึ่งเขาก็อ้างว่าไม่รู้เรื่อง และจะไปทำเรื่องยกเลิกให้ แต่เขาก็ไม่ทำตามที่พูดไว้ เรื่องถมที่และปลูกบ้านก็บอกว่าจะไม่ดำเนินการต่อ แต่ผมแอบไปดูก็พบว่าปลูกจนเสร็จประมาณ เมษายน 2548
ในระหว่างนั้นผมก็ได้ให้น้องชายไปทำเรื่องขอเอกสาร กสน3 ครับ ซึ่งก็ได้มา โดยมีเจ้าของที่เดิมที่ขายให้คุณแม่ผมและเจ้าของที่ข้างเคียง รวมถึงกำนัน อีก 1 ท่านช่วยเป็นพยายานให้ หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจฟ้องขับไล่ครับ
ตอนที่ผมไปขึ้นศาลศาลท่านพยายามไกล่เกลี่ยครับ ผมก็บอกว่าผมยังคงจะยกให้ตามที่คุณแม่ผมเคยบอกไว้ แต่ทางนั้นไม่ยอมจะเอา 4 ไร่ โดยอ้างว่าที่จริงแล้วเขาซื้อมาด้วยกัน 3 คนคือ คุณแม่ผม แฟนใหม่ และคนที่เผ้าที่ครับ (ซึ่งจริงๆ แล้วคุณแม่ผมจ่ายเงินคนเดียวครับ) โดยเขาได้อ้างพยายานคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่แม่ผมเคยไปชี้เขตให้เขาตอนที่เขาขอออกโฉนดซึ่งเขาจำคุณแม่ผมได้ และเขายังบอกว่าเขาจะช่วย แต่ในที่สุดเขาไปเป็นพยานให้ฝ่ายนั้นครับ ศาลถามถึงว่าทำไมที่ดินถึงมี 45 ไร่ได้จากเดิม 20 กว่าไร่ ทางฝ่ายนั้นให้แจ้งศาลว่า เขาทยอยซื้อมาเรื่อยๆ แต่ใในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ครับ ในระวางแผนที่ของนิคนสหกรณ์ก็บอกว่า มี 20 ไร่ 2 งาน และที่ดินข้างเคียงก็ยังไม่ได้ขาย ครับ แต่ศาลก็ไม่ได้บันทึกไว้ในรายงานครับ
ตอนนี้ศาลได้ให้ไปทำแผนที่ที่ดินที่มีข้อพิพาทย์ครับ
คำถามของผมคือ
1. พยานที่เป็นญาติของผมจะมีน้ำหนักในศาลหรือเปล่าครับ
2. ผมควรจะสู้ในรูปแบบไหนครับ หรือควรจะยกให้เขาไปตามที่เขาต้องการ เพราะยังไงผมก็แพ้อยู่แล้ว
3. ผมไม่สามารถชี้เขตที่ดินของตัวเองได้ครับ เนื่องจากผมไปปีละครั้ง และคุณแม่ก็ไม่เคยชี้เตให้ผมทราบครับ จะทำให้มีผลต่อรูปคดีหรือเปล่าครับ (ที่ดินผืนใหญ่ 17 ไร่พอรู้คร่าวๆ ครับ เนื่องจากมีขอบเขตค่อนค่างแน่นอนครับ แต่ที่ผืนเล็ก 3 ไร่ค่อนข้างไม่ทราบแนวเขตที่ชัดเจนครับ)
4. ผมมีพยานอีก 1 ท่านครับเป็นเจ้าหน้าที่ชุมชน เขาค่อนข้างตรงครับ คือเขาไปสอบถามคนที่เฝ้าไร่ว่าทำไม่ไม่ไปทำเรื่องออกโฉนด ทางคนเฝ้าก็แจ้งว่าไม่ใช่ที่ดินของเขาเป็นของพี่สาว (เขาหมายถึงถึงคุรแม่ของผม ซึ่งไม่ใช่พี่สาวเขาครับ) ซึ่งพยานท่านนี้ก็ยังได้ก็ได้แจ้งว่าให้เขาไปบอกแม่ผมว่าให้รีบมาทำก่อนที่เขาจะหมดเขตครับแต่คุณแม่ผมไม่ได้ไป (ผมไม่แน่ใจว่าท่านไม่ทราบหรือทางคนเผ้าไม่ยอมมาแจ้ง) หลังจากนั้นทางคนเฝ้าก้ได้ไปแอบดำเนินการครับ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ชุมชนท่านนั้นก็ได้ติดต่อมาอีกว่าให้ช่วยแจ้งคุณแม่ผมด้วยเนื่องจากเขาจะทำเรื่องออกโฉนดเช่นกัน แต่ทางคนเผ้าไม่ได้แจ้งมาที่ผมเลยผมจึงไม่ทราบเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็เลยพาพนักงานที่ทำหน้าที่ออกโฉนดมาที่ที่ดินของผม และพยายามให้คนเผ้าเซ็นเป็นพยานชี้เขตข้างเคียงแทนครับ พยานท่านนี้จะมีน้ำหนักสำหรับฝ่ายผมหรือเปล่าครับ
5. คำแนะนำในการต่อสู้คดีนี้ครับ
ถ้าท่านอาจารย์ต้องการคำถามเพิ่มเติม ช่วยบอกผมผ่านคำถามผมด้วยครับ
สุดท้านนี้ผมขอขบอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาสละเวลากับคำถามของผม ผมขอให้อาจารย์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ
ขอบคุณครับ
อมรณํฏฐ์ ครับ |