ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    015969 ที่ดินไม่มีโฉนดอมรณัฏฐ์ วงศ์ราธา30 มกราคม 2549

    คำถาม
    ที่ดินไม่มีโฉนด

    สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ มีชัย

     

    ผมมีปัญหาอยากรบกวนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ครับ

    คุณแม่ผมได้ไปซื้อที่ดิน (เป็นที่ดินไม่มีโฉนดครับ มีแค่ใบเสียภาษีบำรุงพื้นที่ 5) โดยตั้งใจจะซื้อร่วมกับแฟนใหม่ โดยไปทำหนังสือจะซื้อจะขายร่วมกัน แต่ถูกผมคัดค้านไว้เนื่องจากแฟนใหม่เป็นผู้ชายที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายครับ (ที่ผมพูดแบบนี้เพราะว่าเขาไม่ยอมช่วยแม่ผมจ่ายเงินค่ามัดจำ รวมถึงค่าซื้อด้วย  ตัวเขาเองไม่สามารถกู้เงิน ธนาคารได้ ก็ให้แม่ผมซึ่งเป็นลูกผู้หญิงเป็นคนดำเนินการให้ แต่ใช้หลักทรัพย์ของแฟนใหม่เอง เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ ให้คุณแม่ผมช่วยเหลือคดียาเสพติดเนื่องจากคุณแม่เป็นทนาย จนโดนตำรวจยัดยาบ้าให้ และ ให้แม่ผมช่วยค้ำประกันร้านซุปเปอร์มาเก็ตกับร้านขายรถยนต์ ซึ่งเวลาเพื่อนๆที่เป็นแขกมา ซื้อรถก็ไม่ยอมวางมัดจำ ไม่ผอ่นมีปัญหา จนเจ้งไปทั้งคู่ ทำให้คุณแม่ผมถูกยึดเงินที่วางค้ำไว้ 5 ล้านบาท ครับ และยังมีอีกหลายเรื่องที่แสดงถึงความไม่เป็นลูกผู้ชายของเขา) เขาจึงตัดสินใจจ่ายว่าจะซื้อคนเดียว มูลค่า 1.3 ล้านบาทครับ ซึ่งมีเอกสารสัญญาซื้อขาย ระบุจำนวนเงินเพียง 3 แสนบาทครับ ซึ่งคุณแม่ผมได้ให้เพื่อนของแฟนใหม่เป็นผู้เฝ้าที่ให้โดยไม่คิดค่าเช่าครับ แต่คุณแม่ผมได้มีสัญญาปากเปล่าว่าจะยกที่ดินให้ปลูกบ้านเป็นจำนวน 1 งานครับ

    คุณแม่ผมไปดูแลที่ทุกปีครับ โดยพาญาติไปเก็บมะม่วงแต่คุณแม่ผมไม่เคยไปเสียภาษีเลยครับ หลังจากนั้นประมาณปลายปี 2545 คุณแม่ผมได้เสียชีวิตครับ ผมก็เลยไปพบกับคนที่เฝ้าที่ให้ (ผมรู้สึกว่าเขาพยายามจะโกงแม่ผมหลายครั้ง ทำให้ผมพยามยามพาบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติไปกับผม และไปถ่ายรูป และอัดเสียงคำพูดเขาไว้แต่พอดีไม่มีอุปกรณ์อัดเสียงครับ)  และได้แจ้งว่าผมยังคงรักษาสัญญาตามที่คุณแม่ผมเคยบอกเขาไว้ครับ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่เขากลับบอกผมว่าให้รีบๆ ไปทำเอกสารให้เรียบร้อยเพราะแฟนใหม่แม่ผมพยายามจะให้เขาช่วยกันโกงผม โดยอ้างว่าเป็นที่ของเขาครับ ผมก็เลยให้น้องชายไปดำเนินการต่อถึงจะทราบว่าคุณแม่ไม่เคยเสียภาษีเลย ผมก็ได้เสียภาษีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2537-45

    หลังจากนั้นคนเผ้าที่ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ พยายามไปถมที่ดิน (ธันวาคมปี 2547) ที่แม่ผมไม่ได้บอกว่าจะยกให้ และปลูกบ้าน (มกราคม 48) ประมาณปลายปี 2547 ซึ่งเขาได้ไปขอเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (จำนวน 45 ไร่ ที่ในระวางแผนที่ของนิคมสหกรณ์ระบุไว้จำนวน 20 ไร่ กับอีก 2 งาน)วันที่ 14 ตุลาคม 2547 ซึ่งทางผมมาทราบเรื่องการขอเอกสารดังกล่าวในวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 ก็ได้ถามไปว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ซึ่งเขาก็อ้างว่าไม่รู้เรื่อง และจะไปทำเรื่องยกเลิกให้ แต่เขาก็ไม่ทำตามที่พูดไว้ เรื่องถมที่และปลูกบ้านก็บอกว่าจะไม่ดำเนินการต่อ แต่ผมแอบไปดูก็พบว่าปลูกจนเสร็จประมาณ เมษายน 2548

    ในระหว่างนั้นผมก็ได้ให้น้องชายไปทำเรื่องขอเอกสาร กสน3 ครับ ซึ่งก็ได้มา โดยมีเจ้าของที่เดิมที่ขายให้คุณแม่ผมและเจ้าของที่ข้างเคียง รวมถึงกำนัน อีก 1 ท่านช่วยเป็นพยายานให้ หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจฟ้องขับไล่ครับ

    ตอนที่ผมไปขึ้นศาลศาลท่านพยายามไกล่เกลี่ยครับ ผมก็บอกว่าผมยังคงจะยกให้ตามที่คุณแม่ผมเคยบอกไว้ แต่ทางนั้นไม่ยอมจะเอา 4 ไร่ โดยอ้างว่าที่จริงแล้วเขาซื้อมาด้วยกัน 3 คนคือ คุณแม่ผม แฟนใหม่ และคนที่เผ้าที่ครับ (ซึ่งจริงๆ แล้วคุณแม่ผมจ่ายเงินคนเดียวครับ) โดยเขาได้อ้างพยายานคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่แม่ผมเคยไปชี้เขตให้เขาตอนที่เขาขอออกโฉนดซึ่งเขาจำคุณแม่ผมได้ และเขายังบอกว่าเขาจะช่วย แต่ในที่สุดเขาไปเป็นพยานให้ฝ่ายนั้นครับ ศาลถามถึงว่าทำไมที่ดินถึงมี 45 ไร่ได้จากเดิม 20 กว่าไร่ ทางฝ่ายนั้นให้แจ้งศาลว่า เขาทยอยซื้อมาเรื่อยๆ  แต่ใในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ครับ ในระวางแผนที่ของนิคนสหกรณ์ก็บอกว่า มี 20 ไร่ 2 งาน และที่ดินข้างเคียงก็ยังไม่ได้ขาย ครับ แต่ศาลก็ไม่ได้บันทึกไว้ในรายงานครับ

    ตอนนี้ศาลได้ให้ไปทำแผนที่ที่ดินที่มีข้อพิพาทย์ครับ

    คำถามของผมคือ

    1.      พยานที่เป็นญาติของผมจะมีน้ำหนักในศาลหรือเปล่าครับ

    2.      ผมควรจะสู้ในรูปแบบไหนครับ หรือควรจะยกให้เขาไปตามที่เขาต้องการ เพราะยังไงผมก็แพ้อยู่แล้ว

    3.      ผมไม่สามารถชี้เขตที่ดินของตัวเองได้ครับ เนื่องจากผมไปปีละครั้ง และคุณแม่ก็ไม่เคยชี้เตให้ผมทราบครับ จะทำให้มีผลต่อรูปคดีหรือเปล่าครับ (ที่ดินผืนใหญ่ 17 ไร่พอรู้คร่าวๆ ครับ เนื่องจากมีขอบเขตค่อนค่างแน่นอนครับ แต่ที่ผืนเล็ก 3 ไร่ค่อนข้างไม่ทราบแนวเขตที่ชัดเจนครับ)

    4.      ผมมีพยานอีก 1 ท่านครับเป็นเจ้าหน้าที่ชุมชน เขาค่อนข้างตรงครับ คือเขาไปสอบถามคนที่เฝ้าไร่ว่าทำไม่ไม่ไปทำเรื่องออกโฉนด ทางคนเฝ้าก็แจ้งว่าไม่ใช่ที่ดินของเขาเป็นของพี่สาว (เขาหมายถึงถึงคุรแม่ของผม ซึ่งไม่ใช่พี่สาวเขาครับ)  ซึ่งพยานท่านนี้ก็ยังได้ก็ได้แจ้งว่าให้เขาไปบอกแม่ผมว่าให้รีบมาทำก่อนที่เขาจะหมดเขตครับแต่คุณแม่ผมไม่ได้ไป (ผมไม่แน่ใจว่าท่านไม่ทราบหรือทางคนเผ้าไม่ยอมมาแจ้ง)  หลังจากนั้นทางคนเฝ้าก้ได้ไปแอบดำเนินการครับ   ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ชุมชนท่านนั้นก็ได้ติดต่อมาอีกว่าให้ช่วยแจ้งคุณแม่ผมด้วยเนื่องจากเขาจะทำเรื่องออกโฉนดเช่นกัน แต่ทางคนเผ้าไม่ได้แจ้งมาที่ผมเลยผมจึงไม่ทราบเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็เลยพาพนักงานที่ทำหน้าที่ออกโฉนดมาที่ที่ดินของผม และพยายามให้คนเผ้าเซ็นเป็นพยานชี้เขตข้างเคียงแทนครับ พยานท่านนี้จะมีน้ำหนักสำหรับฝ่ายผมหรือเปล่าครับ

    5.      คำแนะนำในการต่อสู้คดีนี้ครับ

     

    ถ้าท่านอาจารย์ต้องการคำถามเพิ่มเติม ช่วยบอกผมผ่านคำถามผมด้วยครับ

    สุดท้านนี้ผมขอขบอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาสละเวลากับคำถามของผม ผมขอให้อาจารย์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ

     

    ขอบคุณครับ

    อมรณํฏฐ์ ครับ

    คำตอบ

    เรียน คุณอมรณัฏฐ์

           การดำเนินคดีหรือต่อสู้คดีเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง ผู้จะแนะนำได้ต้องรู้รายละเอียดแห่งพยานหลักฐาน และบางกรณีก็ตบแต่งคำให้การของบุคคล เพื่อให้เกิดน้ำหนัก จึงควรปรึกษาหารือกับทนายความ ไม่ควรเสี่ยงไปดำเนินคดีเอง

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    30 มกราคม 2549