ทุกข์ใจมากๆ ถูกฟ้องทั้งๆที่ไม่ได้เป็นหนี้กับเขาเลย
กราบเรียนท่านอาจารย์มีชัย ที่เคารพ
เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันเป็นลูกสาวคนที่ 2 แต่คุณพ่อและคุณแม่ให้ไปอยู่กับป้าที่สิงคโปร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ นานๆจะกลับเมืองไทย ปัจจุบันดิฉันอายุ 45 ปี คุณพ่อตาย คุณแม่มีที่ดินอยู่ 1 แปลง บนที่ดินมีบ้านปลูกอยู่ 1 หลัง โดยบ้านดังกล่าวมีชื่อของดิฉันเป็นเจ้าบ้านตามทะเบียนบ้าน ต่อมาคุณแม่ตายเมื่อปี 2543 ก่อนตายคุณแม่จึงยกเฉพาะที่ดินดังกล่าวให้แก่พี่สาวของดิฉัน เนื่องจากดูแลท่านตอนเจ็บป่วย และพี่สาวดิฉันมีความจำเป็นต้องกู้ยืมสหกรณ์ฯแห่งหนึ่งโดยตกลงนำที่ดินไปจำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน( การจำนองดิฉันไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ) ต่อมาพี่สาวดิฉันไม่มีความสามารถชำระหนี้จำนองได้ พี่สาวจึงทำการโอนที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินชำระหนี้จำนองแก่สหกรณ์ฯ ต่อมาประมาณปี 2544 สหกรณ์ฯได้ไปทำจำนองที่ดินแปลงนี้พร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่สถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งขึ้นมาต่างหากจนถึงปัจจุบัน
ขอกราบเรียนถามว่า..........
1 . ดิฉันกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ปี 2545 โดยที่กลับเข้ามาอยู่ในบ้านดังกล่าว และสหกรณ์เคยมีหนังสือแจ้งให้ดิฉันออกจากบ้านเมื่อปี 2545 แต่ก็ไม่ได้ทำการฟ้องร้องอะไรแก่ดิฉัน จนกระทั่งบัดนี้( 11 มกราคม 2549 ) สหกรณ์ได้ยื่นฟ้องขับไล่ดิฉันออกจากบ้านหลังที่ดิฉันมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านเช่นนี้ สหกรณ์ทำได้หรือไม่คะ ???
2 . ทำไมการฟ้องคดีขับไล่มันมีอายุความเท่าไหร่คะ เพราะสหกรณ์ทราบเรื่องดิฉันกลับมาอยู่บ้านนี้ตั้งแต่ปี 2545 แล้วไม่ได้ฟ้องร้องดิฉัน มันยังไม่ขาดอายุความหรือคะ ???
3 . การที่บ้านนี้มีชื่อดิฉันเป็นเจ้าบ้านตั้งนานมากแล้ว ไม่ถือว่าดิฉันครอบครองจนเป็นเจ้าของหรือเปล่าคะ มีอายุการครอบครองเท่าไหร่คะ ???
4 . สหกรณ์ได้นำที่ดินแปลงนี้ไปทำการจำนองแก่ผู้อื่น ( สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง )แล้ว เช่นนี้จะถือว่าสหกรณ์ไม่มีสิทธิในการฟ้องคดีดิฉันหรือไม่คะ ???
5 . ดิฉันเครียดมากๆค่ะ เพิ่งทราบหมายศาลเมื่อ 5 วันนี้เอง เงินที่พี่สาวดิฉันไปจำนองต่างๆดิฉันไม่เคยเห็นแม้แต่บาทเดียวเลย
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ ที่ท่านอาจารย์ให้ความกรุณาแก่เพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ และมีปัญหาทุกข์ใจ ทุกวันนี้จะหาคนที่มีใจเมตตาทำประโยชน์แก่สังคมน้อยมากค่ะ ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงยิ่งๆนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง |