คนผิดเจ้าเล่ห์
เมื่อประมาณเดือน ก.ค.47 ดิฉันได้เช่าห้องพักชั้นล่างที่แฟลตการเคหะท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยพักกับสามี และลูกสาวอายุ 7 ขวบ ส่วนดิฉันอายุ 33 ปี ดิฉันไปทำงานที่บริษัทอยู่ อ.กระทุ่มแบน สามีทำงานเป็นกะ แต่เป็นคนชอบดื่มไม่ค่อยสนใจครอบครัว ส่วนลูกสาวไปโรงเรียนจะกลับมาก่อนตอนเย็นทุกวัน สภาพแฟลต ฝั่งตรงข้ามชั้นล่างจะมีร้านค้าขายขนม ร้านเกมส์ และมีบริเวณติดบันไดทางขึ้นชั้นบนเนื้อที่กว้างประมาณ 4-5 เมตร หลังกลับจากโรงเรียนเด็กๆ มักจะมาวิ่งเล่น กระโดดเชือกตรงจุดนี้เป็นประจำ
เหตุการณ์เกิดเมื่อประมาณเดือน ก.ย.47 ดิฉันกลับจากทำงานรีบเข้าห้องพักไปทำอาหารให้ลูก ส่วนลูกออกไปเล่นที่เดิมเป็นปกติ ต่อมาดิฉันได้ยินเสียงเด็กๆ ร้อง จึงวิ่งออกมาดู พบว่าลูกสาวร้องไห้บาดเจ็บที่ขา เนื่องจากสุนัขกัด 3 เขี้ยว เลือดออกมาก ดิฉันจึงพาไปหาหมอที่คลีนิค แต่ไม่มีวัคซีน จึงไปที่ ร.พ.มหาชัย เสียค่ารักษาประมาณ 9,000 บาท แล้วกลับมาเพื่อดูสุนัขที่กัด เด็กที่เล่นด้วยกันมีทั้งเด็กโตและเด็กเล็ก บอกว่าจำสุนัขได้ดี เพราะวิ่งไล่กัดเด็กเหมือนสุนัขที่โกรธจัด เมื่อกัดเสร็จก็วิ่งหนีขึ้นไปชั้นบนแฟลต ดิฉันจึงพาเด็กขึ้นไปดูที่ห้องที่มีคนเลี้ยงสุนัข พบว่าเจ้าของผู้หญิงกำลังจับสุนัขล่ามโซ่ในห้อง เจรจากันแล้ว เจ้าของผู้หญิงบอกว่าขอปรึกษาสามีก่อนและพรุ่งนี้จะนำเงินไปให้เป็นค่ารักษา ดิฉันเรียกค่ารักษาเพียงครึ่งเดียวเพราะถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของเรา แต่พอถึงกำหนดเขากลับพาสามีไปหาตำรวจที่พักอยู่แฟลตเดียวกัน และมาที่ห้องดิฉันและสามีของเขาบอกว่า "สุนัขที่กัดอาจจะไม่ใช่สุนัขของเขาก็ได้ ถ้าสุนัขเขากัดลูกคุณตายไปนานแล้ว" แล้วสองสามีภรรยาไม่เคยถามอาการเด็กสักคำ
ดิฉันคิดว่าเขาปัดความรับผิดชอบแล้ว จึงพาลูกสาวไปแจ้งความที่โรงพัก สน.ท่าฉลอม (ซึ่งตำรวจที่แฟลตทำงานอยู่ด้วย) ร้อยเวรรับแจ้งความและขอให้ปากคำ พร้อมกับให้พาเด็กๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้ปากคำ และตำรวจบอกว่าแล้วจะมีหมายไปตามเจ้าของสุนัขอีกที
หลังจากนั้นดิฉันได้ผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย แม้แต่ที่หน้าห้องพักเปิดประตูตอนเช้าจะพบกองอุจจาระของสุนัขเรี่ยราดมากมาย ดิฉันรู้สึกเหตุการณ์ไม่ปกติ และห่วงลูกสาวเมื่อกลับจากโรงเรียนก่อนจะมีกุญแจไขเข้าห้องพักคนเดียว แล้วรอประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ดิฉันจึงจะกลับมาจากที่ทำงาน ส่วนสามีดิฉันไม่ค่อยเป็นห่วงลูกนัก ไม่ค่อยเอาใจใส่ในเหตุการณ์ใดๆ ห้ามไม่ให้ดื่มเหล้าก็ไม่ฟัง ดิฉันต้องคิดแก้ไขปัญหาเพียงลำพัง สงสารลูกที่เวลาเจอสุนัข จะขวัญเสีย ผวา ดิฉันจึงย้ายไปเช่าที่ใหม่กับลูกสาว 2 คน ที่หมู่บ้านอิ่มอัมพร ต,คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน (แยกกันอยู่กับสามีๆ ไปอยู่บ้านเดิมที่บางหญ้าแพรก เพื่อให้เขาปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ) แต่ช่วงน้ำมันขึ้นราคา ดิฉันมีเงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย เดือน ก.ย. 48 จึงย้ายมาเช่าที่ใกล้กับที่ทำงาน ต.แคราย ส่วนลูกสาวขึ้นรถประจำไปโรงเรียน นับเหตุการณ์ที่ถูกสุนัขเป็นเวลาประมาณ 1 ปี กว่าแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย และขณะนี้ไม่รู้ว่าสุนัขตัวนั้นเป็นเช่นไรแล้ว เจ้าของสุนัขจะย้ายที่พักไปแล้วหรือยัง คดีความจะเป็นเช่นไรก็ไม่ทราบ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องกฏหมายเท่าไรนัก แต่ลูกสาวบาดแผลหายสนิทแล้ว คงเหลือแต่ภาพถ่ายบาดแผลที่ขาที่ถ่ายเก็บไว้เท่านั้น
ดิฉันจึงขอปรึกษาท่านมีชัยว่า ปรกติเหตุการณ์เช่นนี้ควรจะทำเช่นไรต่อไป ปกติเจ้าของสุนัขจะต้องชดใช้ค่าเสียหายใช่หรือไม่ ดิฉันรู้สึกไม่ชอบที่คนผิดยอมรับแล้วกลับเจ้าเล่ห์ไม่รักษาคำพูด
ด้วยความเคารพค่ะ
ปลา |