ค้ำประกันการทำงาน
เรียนอาจารย์มีชัย
พ่อ(จำเลยที่2) ไปค้ำประกันเพื่อนพ่อ (จำเลยที่1) ไว้ในการเข้าทำงานกับธนาคาร(โจทย์)ตั้งแต่ปี2525 โดยในสัญญาระบุว่า"ยินดีรับเป็นผู้ใช้แทนให้แก่ธนาคารโดยสิ้นเชิงตามจำนวนที่ธนาคารเสียหาย" แต่แม่(จดทะเบียนสมรส)ไม่ได้รับรู้เรื่องด้วยเลย จนศาลชั้นต้น(ศาลแรงงาน) มีคำสั่งให้พ่อรับผิดตามสัญญาค้ำประกันตามฟ้อง
ตัวจำเลยที่1ที่เป็นผู้สมัครงานได้อ้างว่าไม่ผิด กลัวความอาญา และตอนนี้หลบหนีไป ไม่ยอมมาขึ้นศาล ทำให้เจ้าหนี้ฟ้องร้องเอากับพ่อซึ่งเป็นจำเลยที่2 ถ้าศาลตัดสินแล้วในกรณีที่เจ้าหนี้เข้ามายึดทรัพย์สินที่เป็นของพ่อ:
1. ถ้าเจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สิน เงินเดือน หรือเงินในบัญชีธนาคารที่ได้มาระหว่างสมรส
1.1. เจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สิน เงินเดือน หรือเงินในบัญชีธนาคาร ที่เป็นชื่อแม่เป็นเจ้าของคนเดียวได้หรือไม่
1.2. เจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สิน เงินเดือน หรือเงินในบัญชีธนาคาร ที่เป็นชื่อแม่เป็นเจ้าของร่วมกันกับลูกได้หรือไม่
1.3. เจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สิน เงินเดือน และเงินในบัญชีธนาคาร ที่เป็นชื่อลูกเป็นเจ้าของคนเดียวได้หรือไม่
2. โอนทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสให้ลูก
2.1. การที่พ่อโอนทรัพย์สินให้ลูก ลูกต้องนำทรัพย์นั้นมาใช้ให้กับเจ้าหนี้หรือไม่
2.2. การที่แม่โอนทรัพย์สินให้ลูก ลูกต้องนำทรัพย์นั้นมาใช้ให้กับเจ้าหนี้หรือไม่
3. ระหว่างสมรสได้ซื้อทรัพย์สินโดยใส่ชื่อลูกเป็นเจ้าของตั้งแต่ต้น
3.1. การที่พ่อได้ซื้อทรัพย์สินโดยใส่ชื่อลูก ลูกต้องนำทรัพย์นั้นมาใช้ให้กับเจ้าหนี้หรือไม่
3.2. การที่แม่ได้ซื้อทรัพย์สินโดยใส่ชื่อลูก ลูกต้องนำทรัพย์นั้นมาใช้ให้กับเจ้าหนี้หรือไม่
4. ถ้าธนาคารมีหลักเกณฑ์การค้ำประกันการทำงานซึ่งประกาศใช้ในปีเดียวกันกับที่ทำค้ำประกัน(2525) โดยกำหนดวงเงินค้ำประกันไว้ตามตำแหน่งพนักงาน จะทำให้จำเลยที่2ผู้ค้ำประกันจะรับผิดตามวงเงินประกัน และไม่ต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่จำเลยที่1ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทย์ หรือไม่
5. แม่ควรจดทะเบียนหย่ากับพ่อหรือไม่ เพราะแม่มีรายได้ แต่ไม่อยากให้รวมเป็นสินสมรส
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ลูก
|