เรียน คุณมีชัย
นายชื่น อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ที่ดินที่บ้านเป็นชื่อพ่อและนายพัน เมื่อพ่อตาย และมีการประกาศให้ออกโฉนด นายพัน(ลูก) ได้นำที่ดินที่บ้าน ไปขอออกโฉนดเป็นชื่อของนายพันแต่เพียงผู้เดียว (พ่อแม่ มีลูก 6 คน คือนายพัน นายชื่น นายพล้อย และอีก 3 คน) นายชื่นดูแลแม่ จนแม่ตาย โดยคนอื่นไม่ได้ดูแลเลย ณ บ้านที่ปลูกบนที่ดินที่นายพันเอาเป็นชื่อตัวเอง นายพัน ได้แบ่งที่ดินให้ นายพล้อย ส่วนที่ดินในส่วนที่ปลูกบ้านของนายชื่น นายพันได้ขายให้คนนอกไป
นายชื่นได้ถูกบุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินฟ้องขับไล่ นายชื่นแพ้คดี จึงได้ทำการรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินดังกล่าว
พ่อแม่ยังมีที่ดินเป็นที่นา อยู่ห่างจากถนนลูกรังประมาณ 60 เมตร นายชื่น จึงให้ทนายยื่นคำร้องขอต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก มีพี่น้อง 5 คนรวมทั้งนายพัน ให้ความยินยอม ยกเว้นนายพล้อย ไม่ยินยอม และไม่เคยไปขึ้นศาลตามหมายเรียก ศาลจึงมีคำสั่งให้ นายชื่น เป็นผู้จัดการมรดก
เมื่อนายชื่น เป็นผู้จัดการมรดก จึงได้เปลี่ยนชื่อที่ดินซึ่งเป็นที่นามาเป็นชื่อของตนเอง ประกาศ 3 เดือนไม่มีผู้คัดค้าน นายชื่น จึงนำที่ดินไปจำนอง ธกส. นายพันมาขอแบ่งที่ดิน นายชื่นไม่ยอมแบ่งให้เพราะนายพันจะเอามาก นายพันกับนายพล้อย จึงได้ให้ทนายฟ้องนายชื่น ฐานยักยอกทรัพย์มรดก โดยโจทก์อ้างว่า จำเลยทำเอกสารเท็จ ไปจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาท ถือว่าเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ยักยอกทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง
อย่างนี้เขาฟ้องนายชื่นได้หรือเปล่าครับ
ถ้าได้จะมีทางสู้คดีไหม ค่าใช้จ่ายแพงหรือเปล่าเพราะเป็นคดีอาญา
ขอบคุณครับ
ชัยยันต์
เรียน คุณชัยยันตื
ทั้งนายชื่นและนายพันอาจมีความผิดฐานยักยอกมรดกด้วยกันทั้งคู่ เพราะนายพันนำที่ดินส่วนที่เป็นของพ่อโอนไปเป็นประโยชน์ส่วนตนเช่นเดียวกับนายชื่นที่เอาที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกโอนไปเป็นของตน เว้นแต่การโอนนั้นจะเป็นการโอนมาในฐานะผู้จัดการมรดกและเงินที่ได้มาจากการจำนองได้นำมาแบ่งให้กับทายาทหรือใช้ประโยชน์เพื่อทายาท สำหรับค่าทนายความต้องไปถามทนายความที่จะจ้างเขา