เรียน คนตามข่าว
1. ยังมีผลอยู่ และจะมีผลตลอดไปสำหรับเรื่องนี้
2. ตรงนี้แหละที่เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ไม่สะเด็ดน้ำ แม้ว่าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลรัฐธรรมนูญจะได้เคยชี้แจงแล้วว่าผลของคำวินิจฉัยดังกล่าวทำให้คุณหญิงจารุวรรณท่านพ้นไป แต่คนที่เกี่ยวข้องก็ยังถกเถียงกันอยู่นั่นเอง เมื่อขณะนี้โอกาสเปิดช่องให้ดำเนินการใหม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเสียให้สิ้นสงสัย
3. ดูเหมือนว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว คุณหญิงท่านไม่ได้ทำอะไรอีก ปัญหาจึงไม่เกิดขึ้น
4. ทางออกก็เป็นอย่างที่ได้ตอบไปแล้วในเว็บนี้เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๘ หรือที่ตอบไว้ในข้อ ๒ ข้างต้น
ขณะนี้มีผู้เสนอเป็นแนวทางว่าให้ถือเสมือนหนึ่งว่าไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรืออีกนัยหนึ่งคือให้เพิกเฉยต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยคนที่เสนอเช่นนั้นเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินอำนาจ ข้อเสนอแนะดังกล่าวน่าขนพองสยองเกล้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับทำให้บ้านเมืองขาดขื่อแปที่จะยึดถือกันอีกต่อไป เพราะเท่ากับว่าเมื่อศาลวินิจฉัยอย่างไรแล้ว หากไม่เป็นที่ถูกใจ ก็สามารถเพิกเฉยเสียได้ไม่ต้องปฏิบัติตาม ระบบนิติรัฐก็คงพังคลืนอย่างสิ้นเชิง เพราะต้องเข้าใจว่าความถูกใจนั้น บางครั้งก็เกิดจากอารมณ์ เมื่อทำได้เสียครั้งหนึ่งแล้วต่อไปก็จะเป็นตัวอย่างให้ปฏิบัติตามต่อไปได้ และขึ้นชื่อว่าอารมณ์แล้วย่อมผันแปรไปได้เสมอ ลองคิดดูว่าถ้าวันหนึ่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองวินิจฉัยว่านักการเมืองใดต้องพ้นจากตำแหน่งหรือกระทำผิด แล้วบังเอิญนักการเมืองนั้นเป็นที่ชื่นชมของคนจำนวนมาก คนเหล่านั้นเกิดเห็นว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองพิพากษานั้นไม่ถูกต้อง แล้วทุกฝ่ายก็เลยเพิกเฉยต่อคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษานั้นเสีย อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองและประชาชนทั่วไป
และอะไรจะเกิดขึ้นกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗ ที่ว่า "สิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้โดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมได้รับความคุ้มครองและผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล และองค์กรอื่นของรัฐโดยตรงในการตรากฎหมาย การใช้บังคับกฎหมาย และการตีความกฎหมายทั้งปวง" และที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖๘ ที่ว่า "คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ"
ในเรื่องของอารมณ์คนนั้นมีตัวอย่างให้เห็นครั้งหนึ่งแล้วในอดีต ครั้งหนึ่งมีปัญหาว่าประธาน กกต.ท่านหนึ่งได้รับการสรรหามาโดยวุฒิสภาเป็นการชอบหรือไม่ มีการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการสรรหานั้นเป็นการไม่ชอบ และโดยที่ประธาน กกต.ท่านนั้นไม่มีอะไรประทับใจผู้คนและนักวิชาการนัก ผู้คนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงขมีขมันสรรหากันใหม่ วุฒิสภาก็คัดเลือกใหม่ จนได้ประธาน กกต.คนใหม่ โดยไม่มีใครติดใจอะไร ยังเคราะห์ดีที่ในครั้งนั้นประธาน กกต.ที่ถูกวินิจฉัยว่าได้รับการสรรหามาโดยไม่ชอบ ท่านยอมรับและตัดสินใจเข้าสมัครรับการสรรหาใหม่ เรื่องจึงยุติได้ด้วยดีโดยไม่ต้องระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ทางออกที่ดีจึงไม่ใช่การละเลยต่อการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากอยู่ที่เมื่อมีข้อสงสัยก็ต้องย้อนกลับไปหาศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเสียให้สิ้นสงสัย
มีชัย ฤชุพันธุ์ 25 กันยายน 2548 |