เป็นประเด็นร้อนไป เรียบร้อยแล้วเกี่ยวกับ การระงับการออกอากาศของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ของนายสนธิทองกุล โดย มีเหตุผลในการระงับรายการดังกล่าว โดยสรุปดังนี้
 1. รายการดังกล่าวกล่าวพาดพึงถึงบุคคลอื่นโดยที่ เป็นไปในลักษณะที่กล่าวอ้างเพียงข้างเดียวไม่เปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบชี้แจง
 2. ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นายสนธิฯ ได้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดยกล่าวอ้างถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งล่าสุด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2548  ตลอดเวลาของรายการยาวเกือบหนึ่งชั่วโมง นายสนธิฯ ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ว่าเป็นการละเมิดหรือขัดพระราชอำนาจ  ทั้งยังนำบทความซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนเรื่อง พ่อของแผ่นดิน มาอ่านในรายการ มีเนื้อความบางช่วงตอนพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์  ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนได้
ที่มาจากเวบไซต์ Mcot.net

 โดยสรุปเหตุผลมี ด้วยกัน น่าจะ สองข้อหลักนี้เท่านั้น ซึ่งคุณสนธิได้ชี้แจง ไว้ใน Manager.co.th โดยสรุปไว้ว่า
 สำหรับข้อที่ 1. ข้อกล่าวหาที่ว่า เนื่องจากว่ารายการนี้ก่อให้เกิดคดีความขึ้นมาในสายยุติธรรมหลายคดี อันนี้ไม่จริง มีอยู่คดีเดียว กับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ซึ่งศาลกรุงเทพอาญาใต้ได้พิพากษายกฟ้องทุกกรณี
 สำหรับข้อที่ 2 ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งการรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ว่าเป็นการละเมิดหรือขัดพระราชอำนาจ อันนี้ก็ผิด เพราะสิ่งที่ผมถามและผมพูดคือ วันนี้เรามีสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ พระองค์แรกนั้นรัฐบาลอ้างว่าประชวร ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เลยตั้งรักษาสมเด็จพระสังฆราชและมีหลักฐาน ซึ่งชี้แจงและรัฐบาลไม่กล้าตอบว่า ขณะนี้ที่รัฐบาลแจ้งบอกว่าสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกประชวร แต่ทำไมพระองค์ท่านยังคงปฏิบัติภารกิจได้ตลอดเวลา
ที่มาจาก เวบไซต์ manager.co.th

กรณ๊นี้ผม ไม่ค่อยให้ความสนใจ ในกรณีเหตุผลแรกมากนัก แต่ให้ความเห็นในมุมมองผู้บริโภคสื่อไว้สั้นว่า  กรณี ที่1 นั้น จะเห็นได้ ว่า ก็มีส่วนจริงอยู่มากที่ การคุยหรือการให้ทัศนะของคุณสนธิเป็นไปในลักษณะที่ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบชี้แจง มากนัก แต่ ในกรณีนี้ ทางพิธีกรหญิง ก็ได้ บอกบ่อยครั้งว่าทั้งหมดเป็นความคิดเห็นของคุณสนธิ เท่านั้นให้ ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณ ผมจำได้ ว่าบ่อยมาก และ ประกอบกับ รายการนี้ มีมา จะเข้าสู่ปีที่ 3 ผม จึง คิดว่าเหตุผลข้อนี้อาจจะไม่มี น้ำหนัก พอ เพราะ ถ้าเทียบกัน อสมท ก้อมีรายการประเภทนี้อีกรายการคือ ถึงลูกถึงคน ซึ่งมีข้อแตกต่างตรงที่ รายการถึงลูกถึงคน ถ้าอาจารย์อาจจะเคยชม นั้นเป็นไปใน ลักษณะการระดม ความคิดเห็นหรือการหารือ ระหว่างสองฝ่ายมากกว่าที่จะเป็นการแสดงความคิดเห็นในฝ่ายเดียว  แต่ในประเด็นนี้ ผมก็ไม่ติดใจอะไรนัก

ตรงข้ามกับประเด็นที่สองที่ผมค่อยข้างติดใจ  กล่าวโดยสรุป ผมค้นคำถามของท่านมีชัยท่านเคยแสดงทัศนะ ไว้ในคำถามที่ 014829 อย่างน่าคิด เกี่ยวกับผู้ว่า สตง  ซึ่งผมมองว่าประเด็นนี้ของการระงังบรายการ กับกรณี ที่คุณสุชนกำลังบอกสังคมหรือวุฒิสภา บางท่าน คล้ายกัน  ที่ผมว่าคล้ายกัน คล้ายกันตรงในจุดที่  มุมมอง ที่ คุณสุชนกับ บอร์ด อสมท มอง คล้ายกัน คือ ในกรณี ของคุณสนธิที่กล้าว อ้างถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ บ่อยครั้งและพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์  ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน กับกรณีที่ ประธานสุชนกำลังบอกสังคมว่า กรณีที่นำชื่อขึ้นทูลเกล้า แล้วไม่โปรดเกล้าลงมา อยู่ในขณะนี้ คล้ายกัน คล้ายกันตรงที่ ทั้งบอร์ดอสมท และ ประธานสุชน กำลังบอกกับสังคมว่า การกล่าวถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน และมีผลกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุดของประชาชนชาวไทย  ไม่สมควร หรือผมเข้าใจผิดไป แต่ ในมุมมอง ของคุณสนธิและ วุฒิสภา บางส่วนกลับมองในมุม ตรงข้ามกัน

จุดจบของทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เวลาเท่านั้น ที่จะตอบได้และจาก ที่ท่านอาจารย์ เคยให้ทัศนะไว้ ในคำถามดังกล่าว ในคอลัมภ์ท้ายอาจารย์ทิ้งท้ายว่า

" ได้ข่าวการให้สัมภาษณ์ของสมาชิกวุฒิสภาบางท่านที่จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ ในลักษณะที่ไม่ค่อยจะบังควรนัก ฟังแล้วก็น่าหนักใจ นี่ก็เป็นกันมาใกล้จะครบ ๖ ปีแล้ว บางทีอาจจะลืม ๆ เลือน ๆ ไปก็ได้ว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่งทุกคนต้องยืนปฏิญาณต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวในที่ประชุมสภาว่าจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ  ว่าง ๆ ควรจะลองพลิกกลับไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา ๘ ที่บัญญัติว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้" อันที่จริงในวุฒิสภาก็มีคนที่รู้จักที่ต่ำที่สูงอยู่ไม่น้อยไม่รู้จะปรึกษาใครก็น่าจะลองปรึกษาอาจารย์แก้วสรร อติโพธิ ดูบ้างก็ได้ว่าการใดควรทำ การใดไม่ควรทำ  "

เนื่องจากการปรึกษาอ. แก้วสรร คงทำได้ยาก ในฐานะคนเดินถนน อย่างผม แต่การขอความคิดเห็นขงท่านมีชัย ต่อสองกรณีนี้ รวมถึงการขยายความในประเด็นที่อาจารย์กล่าวไว้คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม มากนักเพราะอาจารย์ มีบุญคุณในการ สละเวลาตอบคำถามผ่านเวบบอร์ดที่ เวบไซต์นี้ ด้วยตัวเอง บ่อยมาก

     ขอแสดงความนับถือ
      คนเดินถนน

    ถ้าไม่รู้ว่้าจะมองมุมของแต่ละคนอย่างไร ก็ลองคิดดูว่าองค์พระมหากษัตริย์นั้นรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าเป็นที่สักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ด้วยเหตุนี้องค์พระมหากษัตริย์จึงทรงอยู่เหนือการเมือง เมื่อเกิดเหตุ หรือปัญหาอะไรในทางการเมือง การที่ใครขันำสถาบันมาอ้างอิงเพื่อให้เห็นว่าทรงมีความคิดเห็นอย่างไรต่อพฤติกรรมของการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เข้าไปก้าวล่วงการใช้พระราชอำนาจของพระองค์  ล้วนไม่เป็นการบังควร

    ผมไม่ได้เข้ามาตอบคำถาม "บ่อยมาก" อย่างที่เข้าใจหลอก หากแต่คำถามทั้งหมื่นกว่าคำถาม ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ ล้วนตอบเองทั้งสิ้น