ผมรู้สึกอึดอัดกับการใช้อำนาจนอกระบบที่เป็นอยู่ในสังคมไทย ดูเหมือนอำนาจนอกระบบของเครือข่ายอำนาจมืด (ซึ่งจริงๆแล้วก็คือเครือข่ายผลประโยชน์ที่ครอบงำและควบคุมสังคมไทย) จะยื่นแขนขาไปถึงทุกหนแห่ง ทุกซอกมุม ทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่ระดับศาล
การร้องเรียนในบ้านเมืองเรากลายเป็นเรื่องที่ต้องใคร่ครวญอย่างมาก ไม่ใช่จะคิดแค่ว่าเราร้องเรียนตามสิทธิ ตามกฎหมายใหม่ๆหลายฉบับที่เพิ่มอำนาจให้ประชาชนเท่านั้น เรายังต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่ออันตรายและการกดดันสารพัด โดยเฉพาะเมื่อตัวการที่อยู่เบื้องหลังเป็นผู้มีอิทธิพลระดับสูง ระดับหัวๆของเครือข่ายอำนาจมืด
การมีเรื่องกับหน่วยงานราชการเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นยาขมหม้อใหญ่ ในกรณีของผมและภรรยา(ซึ่งมีอำนาจมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง) การมีเรื่องกับหน่วยราชการหนึ่งแทบจะกลายเป็นการมีเรื่องกับระบบราชการทั้งระบบ ท่านอาจารย์คงเคยได้ยินคนพูดทำนองว่า ราชการเขาก็ต้องช่วยราชการด้วยกัน ภรรยาผมก็ได้ยินแบบนั้นกับหูของเธอเอง แต่น่าหดหู่กว่าปกติเพราะผู้พูดเป็นเจ้าหน้าที่ศาล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย เพราะสิ่งที่ประสบอยู่เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ในระยะแรกหลังยื่นคำฟ้อง ภรรยาผมต้องใช้ความพยายามชี้แจงเพื่อที่จะให้ศาลประทับรับฟ้องและดำเนินการตามคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราว แต่ไม่เป็นผล ทั้งๆที่องค์ประกอบของคำฟ้องและเงื่อนไขของการฟ้องคดีครบถ้วน เวลาผ่านไปเกือบเดือน ศาลนัดไต่สวนด้วยประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณารับฟ้อง เป็นประเด็นที่เรามองว่าหากศาลสนใจเรื่องราวเหล่านั้นจริงๆก็น่าจะอยู่ในขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงหลังการประทับรับฟ้อง และหากต้องการจะทราบก่อนพิจารณารับฟ้องให้ได้ก็ไม่น่าจะปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเกือบเดือนเพราะมีคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราวซึ่งมีเงื่อนเวลาเป็นตัวกำหนดอยู่ด้วย ศาลทราบได้อย่างไรว่าหน่วยงานราชการจะขยายระยะเวลาให้ภรรยาผม? แต่จะด้วยอะไรก็ตาม ดูเหมือนศาลจะทราบ
ในการไต่สวนภรรยาผมต้องชี้แจงแสดงเหตุผล แสดงหลักฐาน และโต้แย้งกับคู่กรณีซึ่งกินเวลาต่อเนื่องตั้งแต่ 13.30 น. จนถึง 19.30 น. ซึ่งแม้แต่ศาลเองยังถามภรรยาผมว่าไม่หิวข้าวหรือ คู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดินสามคนซึ่งดูเหมือนจะได้พูดคุยกับศาลก่อนการไต่สวนแล้ว และน่าจะมีการติดต่อประสานกันระหว่างศาลกับเจ้าหน้าที่ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นระยะๆในช่วงเกือบหนึ่งเดือนก่อนการไต่สวนด้วย การไต่สวนที่ยาวนานมีบันทึกถ้อยคำออกมาฝ่ายละประมาณหนึ่งหน้าเท่านั้น
การไต่สวนเพิ่งผ่านไปสามวัน ภรรยาผมเชื่อมั่นว่าได้ชี้แจงแสดงเหตุผลและหลักฐานชัดเจนเพียงพอและน่าจะเป็นที่พอใจของศาลแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าศาลจะพิจารณารับฟ้องหรือไม่ คงจะรู้ผลในวันสองวันนี้ หากภรรยาผมไม่มีหลักฐาน เหตุผล และความพยายามอย่างหนักแล้ว ผมเชื่อว่าคดีนี้ถูกจำหน่ายไปตั้งแต่ตอนที่ยื่นฟ้องใหม่ๆแล้ว
เมืองไทยจะอยู่ในสภาพลวงตาไปอีกนานเพียงใด ตราบใดที่อำนาจมืดสามารถยื่นมือไปถึงทุกหนทุกแห่ง กดดันแทรกแซงอย่างไม่เลือกที่ไม่เลือกเวลา แม้แต่อำนาจตุลาการก็ยังไม่เป็นอิสระจากอำนาจมืด แล้วประชาชนทั่วไปจะเป็นอย่างไรครับ