เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ
มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ในที่ดินของบุคคลอื่นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ โดยในระยะแรกผู้ที่เกี่ยวข้องรับรู้ร่วมกันว่าเป็นการเช่า ชาวบ้านก็อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมาไม่น้อยกว่า ๓๐ ปีแล้วแต่เนื่องจากผู้ที่ป็นเจ้าของไม่ได้มาติดตามหรือทวงถามในเรื่องค่าเช่านานแล้ว โดยเฉพาะครั้งล่าสุดไม่มีผู้มาติดตามหรือแสดงตนเป็นเจ้าของ เกินกว่า ๑๐ ปีขึ้นไปแล้ว ในขณะเดียวกันก็มีข้อมูลพอทราบได้ว่าที่ดินแปลงนี้เปลี่ยนมือไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นหลายทอด ชาวบ้านก็อยู่อาศัยกันมาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
เมื่อไม่นานมานี้มีผู้มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวและจะขอให้ผู้ที่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินนี้ทำสัญญาเช่าชาวบ้าน จึงปรึกษากันและมีความเห็นว่าไม่รู้จะเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์โดยถูกต้อง ประกอบกับที่ดินนี้เป็นที่ชายคลองปัจจุบันถูกน้ำกัดเซาะจนไม่มีแนวเขตที่ดินที่แน่นอนหรือหาอะไรมายืนยันได้ชัดเจนนัก จึงยังไม่ตกลงอะไรกัน และมีบางคนแนะนำว่าน่าจะร้องกรณีครอบครองปรปักษ์
อยากขอทราบความเห็นและคำแนะนำจากอาจารย์ว่ากรณีนี้ ชาวบ้านควรทำอย่างไร ดังนี้
หากจะยอมรับการทำสัญญาเช่าควรจะมีวิธีการตรวจสอบหรือดำเนินการอย่างไร หากตกลงเรื่องเช่ากันไม่ได้อาจจะเป็นเพราะเรื่องราคาค่าเช่า หรือจำนวนพื้นที่ในการเช่า เจ้าของที่จะที่จะทำอะไรได้บ้างและชาวบ้านจะมีวิธีการต่อสู้อย่างไร
หากชาวบ้านจะร้องกรณีครอบครองปรปักษ์ จะต้องดำเนินการอย่างไรและมีค่าใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด หรือควรขอความช่วยเหลือจากใคร ขอบพระคุณครับ
เรียน คุณปรีดา
1. การตรวจสอบถ้ารู้ว่าที่ดินนั้นมีโฉนดเลขที่เท่าไร ก็ไปตรวจที่สำนักงานที่ดินว่าคนที่มาให้ทำสัญญาเเป็นเจ้าของที่ดินจริงหรือไม่ หรือจะให้คนนั้นนำสำเนาโฉนดที่ดินมาให้ดูก็ได้ ส่วนในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ และเขาเป็นเจ้าของที่ดินจริง เขาก็อาจฟ้องขับไล่ได้ ในการต่อสู้เรื่องครอบครองปรปักษ์นั้น ต้องได้ความว่าผู้ครอบครองได้ครอบครองโดยสงบโดยเปิดเผยโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อกัน 10 ปี การเช่าที่ดินติดต่อกันมานั้นไม่อาจนำอายุความระหว่างเวลาเช่ามานับรวมกับระยะเวลา 10 ปีดังกล่าวได้ แม้ว่าจะไม่ได้ชำระค่าเช่าก็ตาม อย่างไรก็ตามที่ว่ามานั้นเป็นหลักทั่วไป การจะอ้างได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในการครอบครอง หากจะขอความช่วยเหลือก็อาจไปขอต่อสภาทนายความได้