ภายหลังจากการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรที่ดินแล้ว  ต้องการเพิ่มเติมข้อบังคับ(ยังไม่มีชื่อกรรมการ อัตราการจัดเก็บ อัตราค่าปรับ รวมถึงข้อบังคับอื่นๆ) กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดตั้งนิติบุคคลฯ ข้อ9  เมื่อนิติบุคคลฯต้องการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ(เพิ่มเติมกับเปลี่ยนแปลงเหมือนกันหรือไม่)ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ(จสก.7)พร้อมด้วย 1,รายงานการประชุมว่าด้วยมติที่ประชุมใหญ่สมาชิกมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงข้อบังคับ  2,ข้อบังคับที่ต้องการเปลี่ยนแปลง  ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน  เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินพิจารณาแล้วเห็นว่าถูกต้องจึงจดทะเบียนให้  ข้อบังคับที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วจึงจะใช้บังคับได้  (น่าจะเป็นประโยชน์และเกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน  เพราะข้อบังคับที่ผ่านการตรวจจากรัฐมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ขัดต่อ รัฐธรรมนูญ กฎหมาย และสร้างความเดือดร้อนให้ใคร มากว่าข้อบังคับที่ออกโดยกรรมการ อยู่ในมือกรรมการ นานๆเข้า ตัวกรรมการคือข้อบังคับหรือเป็นกฎหมายเสียเอง ยังไม่รวมไปถึงผู้ที่ต้องรับผิดจากการกระทำของกรรมการ  ทุกวันนี้กรรมการหมู่บ้านส่วนมากออกกฎข้อบังคับกัยเองกำหนออัตราการจัดเก็บกันเอง ใช้เงินกันเอง ทำบัญชีก็ทำกันสองบัญชี ส่งกรมที่ดินกับความจริง ไม่เหมือนกัน กรมที่ดินจะรู้ได้อย่างไร  ใครจะส่งสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาให้กรมที่ดินดู  คงหวังพึ่งกรมมาตรวจตาคงไม่มี คงมีแต่ข้อบังคับนี้ที่จะเป็นแนวกั้นไม่ให้หลุดไปเป็นความเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยที่ประชาชนไม่รู้ตัวว่าถูกเอาเปรียบโดยใช้กฏหมายนี้ เพราะการยื่นขอจดทะเบียนต้องมีรายงานการประชุมคงต้องมีรายละเอียดที่เป็นหลักฐานชึ่งต้องมีผู้รับรองว่าเป็นความจริง  หากไม่เป็นความจริงจะกลายเป็นให้ข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน  การทักท้วงจากประชานสามารถกระทำได้เร็วกว่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้น  กรณีมีข้อขัดแย้งกันก็ขอดูเอกสารจากกรมที่ดินได้ว่าเป็นจริงมีข้อบังคับถูกต้องจริงและเอกสารมีความน่าเชือถือมากกว่าเอกสารที่อยู่ในมือกรรมการน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพราะคน และกาลเวลา  การส่งเอกสารเป็นเรื่องง่ายเพราะกรมที่ดินอยู่ในพื้นที่เดียวกันการอ้างว่ายุ่งยากดูจะอ้างไม่ขึ้นเมื่อเทียบกับความถูกต้องเเละเป็นธรรมที่ประชาชนจะได้รับ  การตีความให้ผู้มีหน้าที่พ้นภาระของตนเอง  หรือให้เปลียนเป็นอ้างว่าออกเป็นระเบียบแทนการออกเป็นข้อบังคับเพื่อจะได้ไม่ต้องนำมายื่นคงเป็นงามมักง่ายส่วนบุคคล  แม้แต่ถามตอบในเวบ ของกรมที่ดินก็มีคำตอบว่าทั้งชื่อกรรมการ อัตราการจัดเก็บ ค่าปรับ ต้องนำไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ ข้อบังคับจึงจะมีผลบังคับใช้ได้  ในขณะที่บทลงโทษผู้ไม่ชำระเกิน6เดือน  นิติบุคคลสามารถเเจ้งให้ระงับสิทธิ์การทำนิติกรรมได้โดยไม่ต้องใช้หลักฐานอะไร  กรมที่ดินจะจำกัดสิทธิประชาชนโดยไม่รู้ว่าใครมาแจ้ง หมู่บ้านนี้มีใครเป็นกรรมการ  มีอัตราการจัดเก็บหรือไม่  กรมดูจากตรงไหนถ้าไม่ได้จะทะเบียนไว้  กรณีขึ้นศาลใช้รายงานการประชุมให้ศาลดูได้หรือไม่ถ้าในทะเบียนไม่มีชื่อกรรมการ อัตราการจัดเก็บอัตราค่าปรับ อัตราการจัดเก็บไม่มีที่จดทะเบียนไว้จะมีสิทธิ์ใช้บทลงโทษ3ข้อตามกฎหมาย จ่ายล่าช้าปรับ ไม่จ่าย3เดือนงดใช้สาธารณูปโภค ไม่จ่าย6เดือนระงับสิทธิ์ทะนิติกรรมได้หรือไม่  ในขณะที่สิงที่เกิดขึ้นไม่สามารถเปิดบัญชีเป็นชื่อนิติบุคคลฯได้แบงค์ไม่รับเพราะไม่มีชือกรรมการในทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร  กรรมการจึงเปิดบัญชีชื่อกรรมการเองถูกต้องหรือไม่  สิ่งที่ตามมาต้องเสียภาษีเงินได้ทั้งที่กฎหมายให้นิติบุคคลได้รับการงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้                 

1 อัตราการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภค(ม.49)และค่าบริการสาธารณะ(ม.52) เป็นข้อบังคับหรือไม่และเป็นข้อบังคับเรื่องการเงินหรือไม่ ตามกฎหมาย ให้กรรมการเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติเห็นชอบแล้วต้องนำไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตามกฎกระทรวงการจัดตั้งนิติบุคคลฯข้อ9หรือไม่รวมทั้งชื่อกรรมการ ค่าปรับ และข้อบังคับอื่นๆ

2 การงดชำระรอให้นิติบุคคลฟ้องร้องจะดีหรือไม่  เพราะ ข้อบังคับไม่มีอยู่จริงไม่มีการประชุมเพื่อลงมติ ไม่มีการนับคะแนนเสียง กรรมการเขียนเองบังคับเอง ให้ไปชี้แจงกันในศาลตามหลักฐานถ้ามีจริงดีกว่าที่จะให้กรรมการหมู่บ้านที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาศัยกฎหมายเอาเปรียบด้วยความไม่รู้กฎหมายของชาวบ้าน  บวกกับความละเลยของรัฐที่ปล่อยให้ชาบ้านไปจัดการกันเอง รัฐไม่ต้องเหนื่อ เสียหายขึ้นมาก็ฟ้องร้องกันเอง

พิมพิ์ไปก็เหนื่อใจกับสิ่งที่พบเห็นปัญหาเดียวกันที่เกิดกับหลายหมู่บ้าน  อัตราการจัดเก็บไร้ขอบเขต  เก็บราย 6 เดือน รายปี ราย2ปี ราย3ปีก็มี  คงต้องรอให้เสียหายแล้งตามแก้ที่หลังเหมือนนิติบุคคลอาคารชุดซึ่งก็เคยเจอกับตัวเองมาแล้ว 

     1. ที่เข้าใจมาน่ะไม่น่าจะถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ควรอ่านช้า ๆ แล้วทำความเข้าใจให้ดี

     2. เมื่อเข้าใจกฎหมายผิดเสียแล้ว การขัดขืนก็รังแต่จะเสียค่าใช้จ่ายและเบี้ยปรับมากขึ้น

     กฎหมายนั้นต้องอ่านให้ละเอียด จึงจะไม่เข้าใจผิดอันจะเป็นต้นเหตุให้เหนื่อยใจ