ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    014478 เพิ่มเติมเรืองฌาปนกิจนิด11 กรกฎาคม 2548

    คำถาม
    เพิ่มเติมเรืองฌาปนกิจ
    ขอบคุณคะที่ตอบคำถามให้ มีข้อมูลเพิ่มเติมคะ ขอแก้ไขด้วยคะ ฌาปนกิจที่ว่าเขาเรียกว่า ช.พ.ส.ค่ะ 
    ข้อมูลเพิ่มเติมก็คือว่าคุณพ่อไม่ได้แจ้งถอนการเป็นสมาชิกช.พ.ส.ของคุณแม่ แต่ก็ไม่ได้แจ้งเรื่องหย่า
    และก็ยังส่งค่าสมกชิกมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน และขณะนี้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่
    ไม่ทราบว่าคุณแม่จะยังมีสิทธิในการเป็นสมาชิก ช.พ.ส.หรือเปล่าคะ พอดีอ่านระเบียบแล้วไม่แน่ใจคะ
    รบกวนช่วยดูให้หน่อยนะคะ ไม่แน่ใจในข้อที่ highlight ไว้คะ ข้อ 5.3 และข้อ 8 ค่ะ
    จะมีความหมายถึงว่าถ้าหย่าแล้วนี่ถือว่าถูกถอนจากการเป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติหรือเปล่าคะ
    ถ้าตีความว่าพ้นเนื่องจากการหย่าแล้วเราไม่ได้แจ้งการขอเข้ากลับเป็นสมาชิกภายใน 60วันจะทำให้หมดสิทธิจากการเป็นสมาชิกไปเลยหรือเปล่าคะ
    ขอโทษนะคะที่เขียนยาวไปหน่อย 
    ขอบคุณค่ะ
    ขอแนบรายละเอียดเกี่ยวกับ ช.พ.ส.มาด้วยนะคะ

    1. ผู้มีสิทธิสมัคร ช.พ.ส. จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษาในสังกัด ดังนี้

        
    1.1  กระทรวงศึกษาธิการ
        
    1.2  องค์การมหาชนหรือองค์กรในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ
        
    1.3  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กทม.,เทศบาล , เมืองพัทยา ฯลฯ)
        
    1.4  กระทรวงอื่นที่โอนจากกระทรวงศึกษาธิการ ตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545

    2. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก ช.พ.ค.

         ผู้สมัครจะต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปี หรือตามประกาศของคณะกรรมการ ช.พ.ค. เป็นกรณีๆ ซึ่งได้ปฏิบัติงานด้าน การศึกษาตามข้อ 1 คือ
         
         
    2.1 ผู้ที่ไม่ต้องนับระยะเวลาปฏิบัติงาน ได้แก่ สมาชิกคุรุสภาประเภทสามัญ และวิสามัญ คณาจารย์ ครูผู้บริหาร สถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา

         
    2.2 ผู้ที่ต้องนับระยะเวลาปฏิบัติงานมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 1 ปี ได้แก่ สมาชิกคุรุสภาประเภทสมทบ ผู้ช่วยครู ครูช่วยสอน ครูปฏิบัติธรรม ครูชายแดน ครูสอนศาสนา ผู้ปฏิบัติงาน ด้านการศึกษา ลูกจ้างประจำ (กรณีสถานศึกษาเอกชนต้องปฏิบัติงาน ปี) สมาชิกคุรุสภาโอนไปกระทรวงอื่น (เป็นสมาชิกคุรุสภาก่อน 12 มิถุนายน 2546)


    3. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก ช.พ.ส. ต้องเป็นคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย ของบุคคล ดังกล่าวในข้อ 1

    4. เอกสารหลักฐานในการสมัครสมาชิก ช.พ.ส.

         4.1  สำเนาทะเบียนบ้าน
         
    4.2  บัตรประจำตัวประชาชน
         
    4.3  ทะเบียนสมรส
         
    4.4 ใบรับรองแพทย์และประวัติการรักษาโรค ตามแบบที่ ช.พ.ค. กำหนด ใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน 15 วัน นับถึง วันยื่นใบสมัคร
         
    4.5  บัตรประจำตัวข้าราชการของรัฐ หรือบัตรประจำตัวที่แสดงว่าเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา
         
    4.6 สมุดประจำตัวครู (ร 8 ข) หรือ ใบอนุญาตให้เป็นครู (สช.11 และ สช.18) ของคู่สมรส ของผู้สมัคร (สำหรับครูโรงเรียนเอกชน)
         
    4.7  บัตรประจำตัวสมาชิกคุรุสภาประเภทชำระเงินค่าบำรุงตลอดชีพ/หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงสมาชิก คุรุสภา ประเภทชำระเงินรายปี (ถ้ามี) ของคู่สมรสของผู้สมัคร

                ผู้สมัครต้องยื่นใบสมัครตามแบบที่ ช.พ.ส. กำหนด และเอกสารหลักฐานการสมัครพร้อมเงินค่าสมัคร 50 บาทและเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าตามที่กำหนด
                ผู้สมัครต้องยื่นใบสมัครด้วยตนเอง ณ จังหวัดที่ท่านสังกัด
                ผู้สมัครที่ยื่นใบสมัครอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความที่ควรแจ้งให้ทราบ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเป็น สมาชิก ผู้นั้นไม่มีสิทธิเป็นสมาชิก และไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ จาก ช.พ.ส.

    5. สมาชิก ช.พ.ส. มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ดังนี้

          
    5.1 จะต้องชำระเงินค่าสงเคราะห์รายศพ ให้แก่เพื่อนสมาชิกที่ถึงแก่กรรม ทุกๆ เดือน ในอัตรา ดังนี้

                ช.พ.ส. อัตราค่าสงเคราะห์รายศพ ๆ ละ 1 บาท หน่วยรับเงิน ช.พ.ส. จะออกหลักฐานการรับเงินให้ดังนี้
                คู่สมรสสมาชิก ช.พ.ส. ที่ได้รับเงินเดือนจะต้องยินยอม ให้หักเงิน ณ ที่จ่าย โดยหน่วยรับเงินจะออกใบเสร็จ รับเงินรวม ให้แก่หน่วยงานที่เป็นผู้หักเงินเดือน ณ ที่จ่าย โดยมีงบหน้าแสดงบัญชีรายชื่อของสมาชิกเป็นเอกสารประกอบ การรับเงิน หน่วยงานรับเงิน ช.พ.ค. และ ช.พ.ส. ที่ได้รับเงินจากหน่วยหักเงินเดือน ณ ที่จ่าย จะเป็นผู้ออกหนังสือรับรองการชำระเงินสงเคราะห์รายศพ ให้แก่สมาชิกเป็นรายบุคคล ทุก 6 เดือน (สิ้นเดือนมิถุนายนและธันวาคมของทุกปี) หรือ ในกรณีที่สมาชิกแจ้งความประสงค์ขอให้รับรองการชำระเงินเป็นกรณีๆ ไป ก็ได้
                สมาชิกที่ไม่มีเงินเดือน ให้ หัก ณ ที่จ่าย จะต้องมาชำระด้วยตนเองทุกเดือน หรือฝากชำระเป็นรายปี ณ หน่วยงาน ช.พ.ส. ที่สมาชิกสังกัด โดยหน่วยรับเงิน ช.พ.ส. จะออกใบเสร็จรับเงินให้แก่สมาชิก

         
    5.2 สมาชิกย้ายที่อยู่หรือสถานที่ชำระเงิน สมาชิกต้องแจ้งการย้ายที่อยู่หรือสถานที่ชำระเงินให้คุรุสภาหน่วยงานที่ตนสังกัดเดิมทราบภายใน 7 วัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของสมาชิก การแจ้งย้ายเข้าที่คุรุสภาสังกัดใหม่ โดยไม่ได้แจ้งย้ายจาก สังกัดเดิม อาจทำให้เกิดการสับสน เป็นเหตุให้รายชื่อของท่านตกหล่น หรือมีปัญหาภายหลังได้

         5.3 กรณีสมาชิกเปลี่ยนแปลง ชื่อ - สกุล หรือเปลี่ยนประวัติส่วนตัว ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง ณ หน่วยงาน ที่สมาชิก สังกัดอยู่โดยด่วน เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของท่าน


    6. สมาชิกจะถูกถอนชื่อให้พ้นจากการเป็นสมาชิก ช.พ.ส.

          สำนักงาน ช.พ.ส. จะถอนชื่อสมาชิกที่ค้างชำระเงินสงเคราะห์รายศพ ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ผู้ที่ถูกถอนชื่อจะไม่ได้รับ การสงเคราะห์จาก ช.พ.ส. ผู้ที่ถูกถอนชื่อมีสิทธิยื่นเรื่องขอกลับเข้าเป็นสมาชิก ช.พ.ส. ได้ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการคณะกรรมการ ช.พ.ส. กำหนด เมื่อคณะกรรมการ ช.พ.ส. อนุมัติรับเข้าเป็นสมาชิกจึงจะมีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ จาก ช.พ.ส.
    7. กรณีที่ถูกไล่ออก ปลดออกจากราชการ ยังคงมีสิทธิการเป็นสมาชิก ช.พ.ส. ได้

               สมาชิก ช.พ.ส. ที่พ้นจากสมาชิกภาพ ช.พ.ส. เพราะเหตุคู่สมรสที่เป็นสมาชิกคุรุสภา ถูกปลดออก ไล่ออก จากราชการ ให้ยังคงเป็นสมาชิก ช.พ.ส. ได้
                เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของสมาชิก จะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดเก็บเงิน ค่าสงเคราะห์รายศพ ให้หน่วยงานที่สมาชิกสังกัดทราบ

    8. สมาชิก ช.พ.ส. ที่หย่าแล้ว ขอกลับเข้าเป็นสมาชิกต่อไปได้

          ระเบียบ ช.พ.ส. ฉบับแก้ไขใหม่ พ.ศ. 2545 ให้ผู้ที่พ้นจากสมาชิก ช.พ.ส. เพราะเหตุหย่าก่อนวันที่ 2 มกราคม 2546 สามารถยื่นคำขอกลับเข้าเป็นสมาชิก ช.พ.ส. ตามเดิมได้ ทั้งกรณี จดทะเบียนสมรสกับคู่สมรสเดิม และกรณีไม่ได้จด ทะเบียน กับคู่สมรสเดิม สำหรับผู้ที่พ้นสมาชิก ช.พ.ส. เพราะเหตุหย่า ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2546 เป็นต้นไป ให้ยื่นคำ ขอดำรงสมาชิกภาพ ช.พ.ส. ภายใน 60 วัน นับแต่วันหย่า และสามารถ ระบุผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ครอบครัวได้ เมื่อระบุแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อครบ 4 ปี



    9. การระบุผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ครอบครัว ช.พ.ส.

          ระเบียบ ช.พ.ส. ที่แก้ไขปรับปรุงใหม่ กำหนดให้สมาชิก ช.พ.ส. ที่ไม่มีบุคคล ในครอบครัว ได้แก่ บิดา - มารดา คู่สมรส บุตรชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงบุตรนอกสมรส ที่บิดารับรองแล้ว จึงจะมีสิทธิระบุสิทธิ รับเงินสงเคราะห์ครอบครัว ให้แก่ผู้อยู่ในอุปการะอย่างบุตร หรือผู้อุปการะ หรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค ์เพื่อ การสงเคราะห์ครู หรือเพื่อเป็นทุนการศึกษาได้ สำหรับสมาชิก ช.พ.ส. ที่ได้ทำการระบุสิทธิรับเงินไว้แล้วตามระเบียบเดิม ให้ยังคง ได้รับสิทธิตามที่ทำการ ระบุไว้แล้ว ไม่ต้องทำการระบุใหม่

    10. การให้บริการสงเคราะห์ครอบครัว ช.พ.ส.

           เมื่อสมาชิกถึงแก่กรรม บุคคลในครอบครัวของสมาชิกมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท

                ประเภทที่ 1 เงินค่าจัดการศพ จ่ายทันทีที่ได้รับแจ้งการถึงแก่กรรม ช.พ.ส. รายละ 50,000 บาท
                
               * ผู้มีสิทธิรับเงินยื่นเรื่องขอรับเงินค่าจัดการศพ ได้ที่คุรุสภาจังหวัด คุรุสภากรุงเทพฯ สำนักการศึกษา สำนักงาน ช.พ.ส. ที่สมาชิกถึงแก่กรรมสังกัดอยู่ แล้วแต่กรณี
     
               ประเภทที่ 2 เงินสงเคราะห์ครอบครัว จำนวนเงินตามที่เก็บได้จากเพื่อนสมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยหักค่าจัดการศพ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว

     
    11. ผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์จาก ช.พ.ส.
        
           ผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ ช.พ.ส. ได้แก่ บุคคลในครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่กรรม ตามลำดับก่อนหลัง ดังนี้

                (1)  สมาชิกคุรุสภาซึ่งเป็นคู่สมรสของสมาชิก ช.พ.ส. ที่ถึงแก่กรรม
                (2)  บุตรของสมาชิก ช.พ.ส. และบุตรของสมาชิกคุรุสภาซึ่งเป็นคู่สมรสของสมาชิก ช.พ.ส.
                (3)  บิดามารดาของสมาชิก ช.พ.ส. และบิดามารดาของสมาชิกคุรุสภา ซึ่งเป็นคู่สมรสของ สมาชิก ช.พ.ส.
                (4)  มูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการสงเคราะห์ครูหรือเพื่อให้เป็นทุนการศึกษา (สมาชิก ช.พ.ส. ระบุไว้ตาม
                       ข้อ 17 ทวิ แห่งระเบียบ ช.พ.ส. กรณีหย่ากับคู่สมรสที่ระบุไว้ในใบสมัคร)

               * หากผู้มีสิทธิรับเงินในแต่ละลำดับยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่อยู่ในลำดับถัดไปไม่มีสิทธิได้รับ การสงเคราะห์
               * ผู้ขอรับเงินค่าจัดการศพ ช.พ.ส. นอกจากจะต้องเป็นบุคคลตามลำดับก่อนหลัง ดังกล่าวแล้ว หากไม่ได้เป็นคู่สมรส ต้องแสดงหลักฐานหนังสือรับรองว่าเป็นผู้จัดการศพตามแบบ ที่ ช.พ.ส. กำหนด หรือตามแบบของวัดหรือสถานที่ประกอบ พิธีทางศาสนาที่มีข้อความครบถ้วน เช่นเดียวกันก็ได้
               * ในกรณีที่สมาชิก ช.พ.ส. หย่ากับคู่สมรสและดำเนินการตามระเบียบ ช.พ.ส. โดยขอดำรงสมาชิกภาพ และขอกลับ เข้าเป็นสมาชิก ช.พ.ส. ตามเดิม ได้ระบุผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ ครอบครัว ช.พ.ส. จะจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัว ให้แก่ บุคคลที่สมาชิก ช.พ.ส. ได้ระบุให้          * ปัจจุบันนี้ จ่ายโดยประมาณ ช.พ.ส. รายละ 210,000 บาท

    12. เอกสารหลักฐานในการยื่นเรื่องขอรับการสงเคราะห์ ช.พ.ส.

           
    12.1 กรณีขอรับเงินค่าจัดการศพ ช.พ.ส.
               * มรณบัตรของสมาชิกที่ถึงแก่กรรม
               * บัตรสมาชิกคุรุสภาของสมาชิก ช.พ.ส.
               * บัตรสมาชิกคุรุสภาประเภทตลอดชีพ หรือ
               * บัตรสมาชิกคุรุสภาประเภทรายปี พร้อมด้วยใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงสมาชิกคุรุสภา ปีปัจจุบัน
               * ใบสำคัญการสมรส
               * สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิยื่นเรื่องขอรับเงินค่าจัดการศพ
               * สำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกผู้ถึงแก่กรรม (ฉบับจำหน่ายการถึงแก่กรรมแล้ว)
               * ใบเสร็จรับเงินงวดปัจจุบัน (สำหรับสมาชิกที่ออกใบเสร็จรับเงินรวม ไม่ต้องแสดงใบเสร็จรับเงิน)
               * คำสั่งศาลกรณีเป็นคนสาปสูญ

           12.2 กรณีขอรับเงินสงเคราะห์ครอบครัว ช.พ.ส.
               * สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิรับเงินทุกคน
               * ใบสำคัญจดทะเบียนมูลนิธิ และเอกสารทางราชการซึ่งแสดงถึงผู้มีอำนาจ กระทำนิติกรรมของมูลนิธิ รวม
                  ทั้งบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำนิติกรรม (กรณีระบุให้มูลนิธิเป็นผู้รับเงิน)

     

     

    คำตอบ

        เท่าที่อ่านดู ก็น่าจะยังมีสภาพเป็นสมาชิกอยู่ ควรไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรงเพื่อขอเปลี่ยน

    แปลงประวัติเสียให้เรียบร้อย

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    11 กรกฎาคม 2548