ข้าพเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำงานอยู่ใน อบต. ในจังหวัด.นครราชสีมา เนื่องจากมีปัญหาเกิดขึ้นในที่ดินของ อบต.( ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ) ช่วยไขปัญหาให้ข้าพเจ้าด้วย  กล่าวคือ เมื่อปี พ.ศ. 2538 ราษฎรในตำบล ได้ยกที่ดินให้กับ อบต. เพื่อสร้างเป็นศูนย์พัฒนาเด็ก จำนวน 4 ไร่ 2 งาน ซึ่งการให้มีลักษณะเป็นการแบ่งแยกออกจากที่ดินเดิมเพียงบางส่วนจากที่ดินทั้งหมด 28 ไร่ โดยทาง อบต. ได้รับที่ดินดังกล่าวไว้ แต่ด้วยความไม่รอบคอบ ไม่ได้มีการจดทะเบียนกัน อีกทั้งไม่มีการทำหนังสือหรือหลักฐานใด ๆ ยกให้ต่อกัน มีเพียงประชุมกันเพื่อให้รับรู้เท่านั้น(แต่เป็นที่รู้กันทั่วไปทั้งตำบล)  และทาง อบต. ก็ได้เข้าไปก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และใช้ที่ดินแห่งนั้นเรื่อยมา แต่มา ปี พ.ศ. 2546 บุตรชายของผู้ยกให้ก็ได้มารบกวนสิทธิ โดยทำการตัดต้นไม้ที่ ทางอบต. ได้ปลูกลงในที่ดิน อ้างว่า เป็นที่ดินของเขาใครจะมาปลูกต้นไม้ หรือสร้างสิ่งก่อสร้างลงในที่ดินแห่งนี้ไม่ได้ พร้อมทั้งอ้างว่ามี นส.3 เป็นหลักฐาน( มีนส.3 ดังกล่าว ครอบพื้นที่ทั้งหมด 28 ไร่ ตามที่เขาอ้างจริง)ทั้งนี้ ทางอบต. และผู้นำชุมชน ได้ประนีประนอมกัน กับบุตรชายคนนั้นแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะ เขาอ้างว่า หลักฐานของเขาดีกว่า  แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ อบต. ก็ยังใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและทำการเรียนการสอน  ดังนั้น  หากทาง อบต. อยากได้ที่ดินดังกล่าว อย่างสมบูรณ์ ถูกต้อง  หรือจะดำเนินการฟ้องร้องได้หรือไม่ อย่างไร โปรดให้คำแนะนำและวิธีการดำเนินการแก่ข้าพเจ้าด้วย

       ที่ดินที่ยังมี นส.๓ อยู่นั้นเจ้าของยังไม่ได้ชื่อว่ามีกรรมสิทธิ์ คงมีแต่สิทธิครองครอง ดังนั้นเมื่อเจ้าของได้แสดงเจตนายกให้แก่ทางราชการ และทางราชการได้เข้าใช้แล้ว ย่อมแสดงว่าเจ้าของได้สละสิทธิครอบครองในส่วนนั้นให้แก่ทางราชการแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้มีการแก้ไข นส.๓ สิทธิครอบครองย่อมตกได้แก่ อบต.แล้ว เจ้าของหรือทายาทไม่มีสิทธิเอาคืนได้ ข้อที่ควรระวังก็คือ ถ้าเขาไปขอออกโฉนดที่ดินให้คลุมถึงที่ดินที่ยกให้ อบต. ก็ต้องรีบไปคัดค้านไว้ ในขณะเดียวกันก็ควรหาหลักฐานในการประชุมและการยกให้เตรียมไว้ ถ้าเป็นพยานบุคคลก็ควรบันทึกปากคำไว้ให้เรียบร้อยจะได้ต่อสู้คดีกับเขาได้  ที่สำคัญควรปรึกษากับอัยการไว้ด้วย