ข้าฯ ขอเรียนถามว่าจะฟ้องได้ไม่เข้าข่ายคดีใดและบทลงโทษอย่างไร เรื่องมีอยู่ว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งหย่าร้างกันกรณีฝ่ายหญิงคบชู้ โดยประมาณ 15 วันหลังจากหย่าฝ่ายหญิงได้ขโมยรถยนต์ฝ่ายชายไปเป็นเวลา 15 วัน ฝ่ายจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจฝ่ายหญิงทราบเข้าก็นำรถมาจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมัน สรุปว่าฝ่ายชายได้รถยนต์กลับมาแล้ว แต่ตำรวจยังดำเนินการส่งเรื่องฟ้องฝ่ายหญิงต่อสำนักอัยการจังหวัดต่อจนกระทั่งมีการสืบพยานสรุปว่าคดีนี้สิ้นสุดแล้วศาลยกฟ้องเพราะเห็นว่าทรัพย์ที่ฝ่ายหญิงขโมยไปถือเป็นทรัพย์ที่เคยใช้ร่วมกัน เอาเป็นว่าฝ่ายชายก็ไม่ติดใจในคดี ต่อมาฝ่ายชายแต่งงานใหม่กับข้าฯ แต่งได้ 2 เดือนมีหนังสือทวงหนี้มาจากธนาคารแห่งหนึ่งให้ฝ่ายชายไปชำระหนี้ทั้งหมด 2 แสนกว่าบาทมิฉะนั้นจะฟ้องยึดก็ได้ปรึกษากัน ข้าจึงไปยืมเงินจากนายทุนของข้าฯ มาให้ฝ่ายชายไปไถ่ถอนที่แปลงนั้นเสีย อยู่มาได้ 2 เดือนระหว่างที่ข้ากำลังนำที่แปลงนั้นของฝ่ายชายเข้าธนาคารอีกแห่งหนึ่งได้นั้นฝ่ายหญิง(เก่า)ฟ้องฝ่ายชายมาเรื่องขอแบ่งสินสมรสและค่าเลี้ยงดูบุตร
จึงต้องไปศาลเยาวชนอีกสืบไปสืบมาศาลตัดสินให้ฝ่ายหญิง(เก่า)และฝ่ายชายชำระหนี้และแบ่งทรัพพย์ฝ่ายละครึ่งแต่ฝ่ายหญิง(เก่า)ขอรับแต่ทรัพย์ไม่ขอรับหนี้สินเรื่องจึงจบไม่ลง ในระหว่างที่เดินคดีนี้อยู่ฝ่ายหญิงก็ฟ้องฝ่ายชายอีกในข้อหาแจ้งความเท็จ(ฐานที่เคยแจ้งจับฝ่ายหญิง(เก่า)ในคดีขโมยรถ) ก็สรุปว่าคดีนี้ต้องประกันตัวอยู่ 1 ปี และร้อนถึงเจ้าหนี้คือข้าฯ (ตามคำพิพากษา) ข้าฯจึงฟ้องยึดทรัพย์เพื่อนำมาชำระหนี้ที่ฝ่ายชายได้ยืมข้าฯไป ฝ่ายหญิง(เก่า)ทราบเข้าก็ฟ้องข้าฯ กับฝ่ายชายว่าร่วมกันฉ้อโกงเจ้าหนี้ คดีนี้ข้าและฝ่ายชายต้องประกันตัวอยู่ 10 เดือน ในขณะที่ฝ่ายหญิง(เก่า)นำสืบในชั้นไต่สวนนั้น (ทนาย) บอกว่าฝ่ายหญิงได้เบิกความเท็จและนำพยานมาเบิกความเท็จ ในขณะนั้นข้าฯก็ได้ยึดที่ดินของฝ่ายชายขายแต่ข้าฯไม่ได้รับเงินหรอกเพราะธนาคารมารับก่อนแล้วเงินหมดพอดี ข้าฯก็เฉยอยู่จนปัจจุบัน ในระยะเวลาต่อมาฝ่ายชายมาขึ้นศาลในคดีแจ้งความเท็จ ศาลฯออกนั่งบัลลังค์เห็นสำนวนต่างๆ ของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง(เก่า) ก็สรุปใจ้ความสั้นๆ ว่าฟ้องกันไปฟ้องกันมาทำไม่เสียค่าใช้จ่ายเยอะแยะ ต้องการอะไรกันแน่ ฝ่ายหญิงตอบว่าค่าคดีที่ฝ่ายชายแจ้งจับเขาและค่าสินสมรสของเขา เขาต้องการเงินจาก 8 แสน หรือ 5 แสน สรุปศาลพิจารณาให้ 2.5 แสน โดยห้ามมิให้ฝ่ายหญิงมายุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สินของฝ่ายชายแต่อย่างใด ฝ่ายก็ยอมรับก็ทนรับแบกภาระหนี้อยู่คนเดียวและได้ชำระเงินให้ฝ่ายหญิงไป 1 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น พอมาตอนนี้ฝ่ายหญิงได้รับเงินนั้นแล้วก็ฟ้องบังคับหนี้ต่อฝ่ายชายต่อไป มาถึงตอนนี้ข้าฯ ในฐานะภรรยา(ใหม่)และเป็นเจ้าหนี้ และเป็นจำเลยที่ถูกฟ้องในข้อหาโกงเจ้าหนี้นั้นมีความประสงค์จะช่วยฝ่ายชายและครอบครัวให้พ้นจากเงื้อมมือฝ่ายหญิง(เก่า)จะฟ้องข้อหาอะไรได้บ้างอย่างไร โปรดท่านฯมีชัยช่วยชี้แนะและตอบคำถามข้าฯ เป็นการด่วนด้วย เพราะ กลางเดือนนี้ฝ่ายหญิง(เก่า)จะบังคับคดีแล้ว ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง รออ่านอยู่
ข้อเท็จจริงที่เล่ามาค่อนข้างจะสับสน อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เลยไม่รู้จะตอบอะไรได้ แต่มีข้อน่าคิดอย่าอย่างหนึ่งว่า ขนาดศาลท่านยังเปรยว่า "ฟ้องกันไปฟ้องกันมา" จะไม่ลองตั้งสติคิดถึงความเดือดร้อนที่ตามมาจากการฟ้องร้องคดีบ้างหรือ การที่ (คิดว่า) คนอื่นประพฤติไม่ดีนั้น ก้เป็นเรื่องของเขา ไม่จำเป็นที่จะก่อความแค้นจนต้องประพฤติอย่างเดียวกันนั้น