ดิฉันแต่งงานโดยไม่จดทะเบียนนำเงินค่าสินสอดฝากบัญชีร่วมโดยเซ็นถอน2คนจึงถอนได้ ดิฉันมีลูกโดยเขารับรองบุตร  ดิฉันไม่สามารถทนอยู่กับครอบครัวเขาได้โวยการพูดจาส่อเสียดจากเขาและแม่เขาและไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว ดิฉันได้ตัดสินใจอุ้มลูกออกจากบ้านโดยเขาไม่ได้มาเหลี่ยวแลใดๆทั้งสิ้นเป็นเวลา 7เดือนแล้ว ออกมาตั้งแต่ลูกได้ 2เดือน เขามาขอแบ่งเงินในบัญชีดิฉันไม่ยอมให้ เขาและแม่ได้ไปป่าวประกาศในที่สาธารณะแทบทุกวันโดย ช่วงดิฉันไปใหม่ๆบอกว่า ไม่ควรเอาลูกไป เพราะฉะนขี้เกียจเลี้ยงลูก  ต่อมาบอกว่าดิฉันอยากได้สามีใหม่   ต่อมาบอกว่า ลูกของดิฉันไม่ใลกของตัวเองเป็นลูกใครไม่รู้   ต่อมาบอกว่าลูกดิฉันเป็นลูกที่เกิดจากทหาร สุดท้ายบอกว่าดิฉันทิ้งลูกให้อยู่กับญษติและไปอยู่กับสามีทหาร ซึ่งดิฉันทำมาหากินเลี้ยงดูอยู่กับลูกตลอดมา ไม่เคยมีใครตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน คำถาม

1. ดิฉันจะให้ศาลสั่งเรื่องเงินในบัญชีอย่างไรได้บ้าง

2.ดิฉันฟ้องเรีกค่าเลี้ยงดูบุตรได้หรือไม่

3.ดิฉันฟ้องให้เขาเอาชื่ออกจากการรับรองบุตรได้หรือไม่

4.ดิฉันฟ้องเขาและแม่เขาเรื่องหมิ่นประมาทได้หรือไม่

5.หากพิสูจแล้วว่าลูกเป็นลูกเขาแต่ดิฉันไม่ต้องการให้เขามาเป็นพ่อของลูกดิฉันเพียงอยากให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันผิดได้หรือไม่

6.ดิฉันรักษาศีล5อยากถามว่าดิฉันควรจะปล่อยเขากับครอบครัวเขาให้ได้รับเวรกรรมไปเองหรือฟ้องพิสูจดี

7.การฟ้องร้องฟ้องที่จังหวัดที่ดิฉันทำงานอยู่ได้หรือไม่แต่ทะเบียนบ้านดิฉันอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง

8. พยานที่ได้รับรู้เรื่องที่เขาหมิ่นประมาทศาลสามารถเรียกให้มาเป็นพยานได้หรือไม่เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นให้

9.ผู้ชายรับราชการเขาจะมีโทษทางวินันยด้วยหรือไม่ ไม่เข้าใจว่าเขาพูดออกมาได้อย่างไร ทำไมไม่พูดตั้งแต่ลูกเกิด มาพูดตอนที่ไม่ได้เงินและตอนที่ดิฉันไม่อยู่กับเขา  สงสารลูกจังอยากเอาช์อเขาออกจากความเป็นพ่อค่ะ....มันชั่วจริงๆทั้งที่เป็นถึงเภสัช พูดเอ่ยอ้าวถึงหลักฐานการแพทย์ดิฉันแต่งงานกุมภาพันธ์ค่ะลูกดิฉันคลอดพฤษจิกายน เมือ่ก่อนแต่งงาน 1-2อาทิตย์ดิฉันยังเป็นประจำเดือนอยู่เลย แม่เขาก็ทราบดี   คนแบบนี้ก็มีในโลก

   1. ถ้าในการเปิดบัญชี คุณเป็นผู้เปิดคนเดียว (โดยระบุชื่อผู้ถอนร่วมกัน ๒ คน) คุณก็อาจลองไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอเปลี่ยนแปลงลายเซ็นในการถอนเงินดู เผื่อบางทีเขาอาจจะยอมให้ทำ แต่ถ้าในการเปิดบัญชีได้ลงชื่อร่วมกันเปิด ก็คงยากหน่อย  การไปฟ้องศาลก็คงไม่ได้อะไร เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาด้วย

   2.  ฟ้องได้

   3.  ไม่ได้ เว้นแต่คุณจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่ลูกของเขา 

   4. ถ้าเขาพูดอย่างที่เล่ามาจริง ก็ฟ้องหมิ่นประมาทได้

   5. ไม่ได้ เพราะได้จดทะเบียนรับรองเด็กเป็นบุตรไปแล้ว และเด็กนั้นก็เป็นลูกของเขาจริง

   6. การเป็นคดีความนั้นไม่ได้ความสุขสงบมาให้ได้หรอก ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ควรไปฟ้องให้ต้องเจอหน้ากันอีก  การถือศีล ๕ ได้ก็นับว่าเป็นกุศล ๆ นั้นย่อมส่งให้คุณเจริญก้าวหน้าและมีความสุข ส่วนคนอื่นนั้น เขาจะมีสุขหรือทุกข์ย่อมขึ้นอยู่กับกรรมหรือการกระทำของเขาเอง

   7. ถ้าฟ้องก็ต้องไปฟ้องที่จำเลยมีภูมิลำเนา

   8. เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จะไปฟ้องร้องให้เกิดเรื่องราวทำไมอีก ทำให้จิตใจไม่สงบเปล่า ๆ เพราะในเวลาฟ้องนั้นจะต้องนำสืบว่าเขาด่าว่าเราว่าอย่างไร ซึ่งเท่ากับให้เขามาตอกย้ำให้เจ็บใจยิ่งขึ้น

    9. ถ้าเขาเป็นอย่างที่เล่ามาจริง ก็ไม่ควรคู่กับการที่จะไปตอแยต่อไป  ตัดทิ้งไปเสีัย ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกต่อไปให้ดีจะได้เป็นที่พึ่งในภายหน้า การไปต่อความยาวสาวความยืดรังแต่จะทำให้ชีวิตต้องพัวพันกับคนที่คุณเห็นว่าไม่ดีต่อไป ซึ่งไม่น่าจะดีแก่สุขภาพจิตของตัวเอง