ดิฉันไปซื้อที่ดินเปล่าที่หมู่บ้านศุภาลัย (รังสิตคลองสี่) เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ซึ่งในวันทำสัญญาซื้อขายนั้น ได้มีการเซ็นชื่อยินยอมจ่ายค่าส่วนกลางปีละหนึ่งพันสองร้อยบาทถ้วน ซึ่งดิฉันก็ได้ปลูกบ้านในที่ดินดังกล่าวเสร็จและเข้าอยูอาศัยมาได้ปีเศษ โดยได้จ่ายค่าส่วนกลางตามจำนวนที่ระบุในสัญญาเรื่อยมา
ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน 2548 ได้มีหนังสือแจ้งว่าได้มีการจดทะเบียนนิติบุคคลบริษัท และให้ลูกบ้านจ่ายค่าส่วนกลางเดือนละหกร้อยบาท หากไม่จ่ายจะถูกระงับนิติกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับที่ดิน
อยากทราบว่า
1) นิติบุคคลบริษัท มีอำนาจทำการได้ดังที่กล่าวอ้างหรือไม่ ถ้าได้แสดงว่านิติบุคคลบริษัทสามารถตั้งราคาได้ตามใจชอบ โดยลูกบ้านไม่สามารถโต้แย้งเลยหรือไม่
2) หากลูกบ้านเห็นว่าการเก็บเงินค่าส่วนกลางเป็นไปในอัตราที่ไม่ยุติธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่หน่วยงานใด ลูกบ้านส่วนใหญ่ต้องอยู่ในภาวะจำยอม ซื้อบ้านไปแล้ว แต่สาธารณูปโภคก็ไม่ดีเลย การคมนาคมต้องอาศัยรถตู้หรือมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ซึ่งอันตรายและแพงมาก เคยถามว่าทำไมไม่ติดต่อให้มีรถสองแถวบ้าง เพราะในหมู่บ้านนี้ก็มีโรงเรียนสวนกุหลาบรังสิตอยู่ และในคลองนี้ก็มีหมู่บ้านมากเช่นกัน ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดปัญหาทับเส้นทางวินมอร์เตอร์ไซด์ รถตู้ของหม่บ้านก็ห้ามจอดรับผู้โดยสารหน้าปากซอย เป็นการบีบให้คนใช้มอเตอร์ไซด์
3) หากดิฉันจะโต้แย้งโดยยึดสัญญาเดิมที่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางปีละหนึ่งพันสองร้อยบาทได้หรือไม่
ขอแสดงความนับถือ
1. ถ้าเป็นนิติบุคคลที่บริษัทตั้งขึ้น นิติบุคคลนั้นก็ไม่มีสิทธิอะไร เว้นแต่จะเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งการจะจัดตั้งได้ต้องได้รับความเห็นดีเห็นงามจากเจ้าของที่ดินในหมู่บ้าน
2. ถ้าลูกบ้านเดือดร้อนกันจริง ก็ต้องลงมือรวมตัวกันและจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรกันขึ้นเอง แต่ก็เชื่อว่าคงทำได้ยาก เพราะคนส่วนใหญ่ ชอบให้คนอื่นทำให้ขอเพียงสิทธิบ่นบ้างเล็กน้อย ก็พอใจ มากกว่าที่จะลุกขึ้นจัดการร่วมกัน
3. ต้องขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำกันไว้ อนึ่ง ที่เขาขู่ว่าถ้าไม่จ่ายจะถูกระงับการทำนิติกรรมนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะกรรมสิทธิในที่ดินถูกโอนมาโดยเด็ดขาดแล้ว และเป็นบ้านเดี่ยว ไม่ใช่คอนโด