การค้ำประกันสัญญา
เรียน อาจารย์มีชัย ที่เคารพ
ผมขอเรียนถามดังนี้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สมมุติชื่อ นายชาญ และนางมณี ตามลำดับ เดิมจดทะเบียนสมรสกัน มีโฉนดอยู่ 1 แปลงเป็นชื่อของสามี ต่อมาน้องเขยของนางมณี สมมุติชื่อ นายทนง เดือดร้อนมาขอนำโฉนดไปกู้เงินนอกระบบ นายชาญอนุญาตโดยยินยอมให้ยืมโดยโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นของนายทนงโดยไว้เนื้อเชื่อใจกัน นายทนงนำไปกู้เงินในระบบจำนวน 30,000 บาท ภายในเวลาที่กำหนด ต่อมานายชาญต้องการใช้เงิน จึงนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปขายกับญาติในที่ดินแปลงที่โอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว ญาติคนนั้นก็รับรู้แต่แรกว่าที่ดินเปลี่ยนมือไปแล้ว แต่เข้าใจกันว่าไม่ช้าจะโอนกลับคืนมาเป็นของนายชาญ ทั้งๆ ในทางปฏิบัติจนทุกวันนี้ก็ยังมิได้โอนคืน ญาติจึงให้ทำเป็นสัญญาเงินกู้แทนในวงเงิน 40,000 บาท มีกำหนด 10 ปี (ไม่มีดอกเบี้ย) โดยให้นางมณีภรรยาค้ำประกัน ต่อมานายชาญมีความประพฤติไม่เหมาะสม นางมณีขอหย่าขาดโดยขอดูแลบุตรเองทั้งหมดเมื่อ 7 ปี ก่อน เมื่อใกล้ครบกำหนด 10 ปี ภายในวันที่ 2 กันยายน ศกนี้ ญาติคนดังกล่าวต้องการเงินคืน จึงมาทวงกับนางมณีซึ่งปัจจุบันหย่าขาดจากนายชาญไปแล้ว เธอทุกข์ใจมากในหนี้ที่ไม่ได้เป็นคนก่อ แถมอดีตสามีไม่รับผิดชอบ โบ้ยให้ญาติคนนั้นไปขอกับนางมณีแทนเพราะถือว่านายทนงน้องเขยนางมณีก่อปัญหาขึ้นก่อน อนึ่ง ทางนายทนงก็หย่าขาดกับน้องสาวนางมณีด้วยเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงแบบนี้ ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ
1.สัญญาเงินกู้ที่นายชาญทำกับญาติ นางมณีซึ่งหย่าขาดกันไปแล้ว ยังต้องรับผิดชอบ
แทนหรือไม่หากนายชาญปฎิเสธความรับผิดชอบ
2.ผมได้แนะนำนางมณีไปว่าให้ญาติคนนั้นไปตามทวงที่นายชาญเองโดยให้ที่อยู่ไป เพราะ
เราก็หย่าขาดกันไปแล้ว ยกเว้นนายชาญเสียชีวิตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งถูกต้องหรือไม่
3.ญาติคนนั้นยังยินดีรับที่ดินคืน แต่ก็ติดปัญหาที่ดินเป็นของน้องเขยนางมณีซึ่งหย่าขาดจาก
น้องสาวนางมณีเช่นกัน
4.มีช่องทางตรงไหนที่สัญญาถือเป็นการโมฆะบ้างครับ
5.อาจารย์กรุณาแนะทางออกที่ดีที่สุดให้ด้วยครับ จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรโดยนางมณี
ไม่ต้องชดใช้ และไม่เดือดร้อนในหนี้ที่ไม่ได้ก่อครับ เพราะทุกวันนี้เธอก็ยากจนมากอยู่
แล้ว
ขอบพระคุณครับ
|