กราบเรียน ท่านอาจารย์มีชัย
พ่อผมเป็นผู้จัดการมรดกของย่าของผม ย่าผมมีลูก 7 คน ตายไปแล้ว 2 คน หนี่งคนไม่มีทาายาทเหลือ แต่อีกคนมีทายาทเหลือ 4 คน พ่อของผมได้จัดการแบ่งมรดกในส่วนที่พี่น้องคนใดมีสิทธิพึงมีพึงได้ไปเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ว่าทายาทของคนที่ตายอีกหนึ่งคนนั้นยังเป็นผู้เยาว์ พ่อยังไม่โอนให้ กระทั่งเมื่ออายุถึง 20 ปี แล้ว พ่อผมได้ไปโอนโฉนดที่ดินแห่งหนึ่งให้ เป็นมรดกแทนที่ของคนที่ตาย โดยใส่ชื่อไปทั้งสี่คน แต่ว่าพ่อก็ใส่ชื่อของพ่อไปด้วยเพราะเป็นทายาทที่มีสิทธิในที่ดินแห่งนี้ด้วย โดยพ่อผมแบ่งกันกึ่งหนึ่งกับคนที่ตาย
ทีนี้ทั้ง 4 คนนั้นได้ยื่นเรื่องต่อศาลของแบ่งแยกกรรมสิทธิ้รวม โดยอ้างว่าตนเองได้ครอบครองที่ดิน 4/5 ของที่ดินที่ว่านี้ ทั้งที่แม้มีชื่อในโฉนดก็จริง แต่ว่าการครองทำประโยชน์ยังเป็นของบิดาผม แล้วเขาไปเรียกร้องให้ศาลบังคับให้พ่อผมแบ่งที่ดินแปลงนี้เป็นห้าส่วนเท่า ๆ กัน โดยอ้างว่ามีชื่ออยู่ในโฉนดมากว่า 10 ปีแล้ว
การมีชื่ออยู่ในโฉนดเกิน 10 ปี แต่ว่าไม่เคยไปครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเลยซักปีเดียว จะเรียกร้องขอครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่? เพราะที่กึ่งหนึ่งนั้นพ่อผมเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์มาตลอด เพราะพ่อผมถือว่ามีสิทธิกึ่งหนึ่งของที่ดินนี้
พ่อผมจะยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลได้ นำสืบย้อนหลัง เกี่ยวกับ การลงมรดกแทนที่ได้หรือเปล่า? เพื่อให้เข้าใจให้ถูกต้องว่า ลูกผู้ตายทั้ง 4 คน ก็มีสิทธิในส่วนของผู้ตาย ส่วนของพ่อก็มีส่วนอีกกึ่งหนึ่ง แล้วต้องเตรียมพยานหลักฐานอะไรบ้าง
เรียน Life
การครอบครองปรปักษ์นั้นต้องเป็นการครอบครองที่ดินของคนอื่น ถ้าเป็นที่ดินของตนเอง (อันเนื่องมาจากการได้รับมรดก) ไม่เป็นการครอบครองปรปักษ์ และยิ่งเพียงแต่มีชื่อโดยไม่ครอบครองจริง ยิ่งไม่มีทางเป็นการครอบครองปรปักษ์ ถ้าเขาฟ้องศาลก็ไปสู้คดีว่าเป็นเรื่องของมรดกที่แบ่งให้ แต่อย่าไปศาลเอง ควรหาทนายความให้เขาว่าความให้