ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    013711 ความยุติธรรมอยู่?คนไทยคนหนึ่ง15 เมษายน 2548

    คำถาม
    ความยุติธรรมอยู่?

    ผมเป็นคนหนึ่งที่คางแคลงใจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของศาลชั้นต้นที่หนึ่ง โดยเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีเรื่องราวอยู่ดังนี้ครับ นาย ก และนส.น นามสมมุติถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยถูกตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาฯและเสพยาฯ โดยในการจับกุมตำรวจอ้างว่าได้มีการส่งสายลับล่อซื้อยาในบ้านเช่าของนาย ก โดยที่ตำรวจซุ่มดูอยู่ตามระเบียบทั่วๆไปของรูปคดี ส่วนนส.น นั้นอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าวโดยที่ นส.นและนาย ก ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นอะไรกันโดยสามารถพิสูจน์ได้ แต่นส.นรู้จักกับน้องสาวของนาย ก จึงเดินทางมาหา ในระหว่างที่ถูกจับกุม น้องสาวของนาย ก ออกไปข้างนอกโดยให้นส.น รออยู่ที่บ้านก่อน พอกลับมาอีกทีก็รู้ว่าพี่ชายและนส.น ถูกจับไปแล้ว โดยที่นาย ก นั้นยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหาทั้งหมดแต่นส.น ปฏิเสธทุกข้อกล่าวตั้งแต่ชั้นจับกุม สอบสวน ชั้นศาล ยกเว้นข้อหาเสพยาฯที่รับสารภาพ เนื่องจากอยู่ในภาวะจำยอมต้องรับเนื่องจากนส.น บอกว่าทางตำรวจได้เทปัสสาวะของนาย ก ลงไปในปัสสาวะของตน และนส.น และนาย ก บอกอีกว่าไม่มีการล่อซื้อยาฯตามที่ตำรวจกล่าวอ้างหลักฐานทุกอย่างทางตำรวจจัดการให้หมด ทั้งเบอร์แบงค์ ของกลางยาฯในการล่อซื้อ แต่ยาฯนั้นเป็นของนาย ก จริงแต่ยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น โดยประวัติของนาย ก นั้นเคยต้องโทษเกี่ยวกับคดียาฯมาก่อนแล้ว ก็คือว่านาย ก นั้นมีพฤติกรรมในการค้ายาจริงอยู่แต่ไม่ใช้ค้าขายครั้งนี้ โดยนาย ก ถูกตัดสินลงโทษจำคุกไปแล้วจำนวน 8 ปีแต่ นส.น นั้นต่อสู้ในชั้นศาลแต่ก็ถูกลงโทษจำคุก 4 ปีในข้อหาร่วมค้ายาฯแต่ข้อหามีไว้ครอบครองนั้นศาลยกฟ้องให้ โดยในการสืบพยานในชั้นศาลนั้นมีอยู่หลายจุดที่ตำรวจให้การหักล้างกันเอง พยานโจกท์มีด้วยกัน 3 ปาก 2 ปากแรกนั้นอ้างว่าเป็นผู้จักกุมและอีกหนึ่งปากเป็นพนักงานสอบสวน โดยที่พยานโจกท์ 2 ปากแรกนั่นให้การน่าสงสัยมาก ตั้งแต่อธิบายก่อการเข้าจับกุมและระยะห่างจากจุดซุ้มถึงห้องเช่าที่เกิดเหตุก็ไม่เท่ากันคนหนึ่งบอกห่าง 15-20 เมตรอีกคนบอกห่าง 25-30 เมตร แล้วระยะห่างขนาดนั้นรู้ได้ยังไงว่าเป็นยาฯ  สายลับที่เข้าไปซื้อยาฯคนหนึ่งบอกว่าเมื่อได้ของมาก็เดินเอาของมาให้ตำรวจเลยอีกคนบอกว่าสายลับขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปก่อนแล้วค่อยเอาของมาให้ตำรวจ  กระทั่งตอนเข้าไปจับกุมและตรวจค้นพยานโจกท์คนหนึ่งบอกว่าแต่งตัวไปนอกเครื่องแบบทั้งหมดแต่อีกคนบอกว่าแต่งในเครื่องแบบ 1 คนนอกนั้นนอกเครื่องแบบ  ยาฯที่เห็นเป็นเม็ดกลมแบนอีกคนบอกว่าเป็นเม็ดวงรี ฯลฯ  และจากการที่ผมนั่งฟังการพิจารณาคดีนี้ด้วยโดยที่ผมไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อนแต่สิ่งที่ผมได้ยินและได้เห็นนั้นมันช่างเป็นอะไรที่ไม่มีเหตุมีผลเอาเสียเลยครับ ทั้งที่ตำรวจให้การเรียกได้ว่าโคตรมั่วขนาดนี้(ขอโทษนะครับที่ใช้คำไม่สุภาพ) ศาลยังพิพากษาลงโทษ นส.น ได้ตั้ง 4 ปีทั้งที่คำพิพากษาบ้างบางอย่างก็ยกให้แก่จำเลยแต่ติดตรงที่ตำรวจอ้างว่า นส.น เป็นคนยื่นของให้กับสายลับก็เลยตีเป็นร่วมค้า(แสดงว่าตำรวจพูดอะไรก็ถูกหมดเลยเหรอครับเนี้ย) ทางศาลยังบอกอีกว่าทางจำเลยไม่มีเหตุผลในการหักล้างหลักฐานที่เพียงพอ มันก็แน่นอนอยู่แล้วนี้ครับมันก็มีแต่ตำรวจกับผู้ต้องหาที่ถูกจับในที่เกิดเหตุถึงพูดให้ปากฉีกก็คงไม่มีประโยชน์อะไรทั้งที่มันไม่มีการล่อซื้อก็ยังทำได้เลยครับ แต่ทาง นส.น ยืนยันกระต่ายขาเดียวเลยว่ามันไม่การล่อซื้อแน่นอนแต่เนื่องจาก นาย ก ยอมรับสารภาพนั้นเป็นเพราะกลัวโดนไฟช็อดก็เลยต้องยอมรับสารภาพไป และนาย ก ก็ได้ยอมรับว่ายาฯทั้งหมดเป็นของตัวเองโดยให้การผ่านทางเอกสารจดหมายจากเรือนจำว่า นส.นไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลยแต่ก็ไม่เป็นผล ผมเลยไม่อยากจะเชื่ออีกแล้วว่าความยุติธรรมนั้นมีจริงบนโลกใบนี้ ขนาดในการสอบพยานโจกท์เมื่อตำรวจให้ปากคำ อ้ำๆอึ้งๆ ทางศาลก็เหมือนกับจะพูดสะกิดให้ทางตำรวจรู้ว่าตอบให้ดีๆตอบให้ถูกนะ ผมพอจะได้ยินมาอยู่บ้างนะครับว่าในการพิจารณาคดีอาญานี้ทางศาลจะฟังทางโจกท์มากกว่าแต่ถ้าทางโจกท์ให้การแน่นมากๆผมก็จะไม่รู้สึกแบบนี้เลยครับ ทั้งทางอัยการที่สั่งฟ้องเองท่านก็ยังส่ายหน้ากับการให้การของโจกท์เลยครับ ผมเข้าใจนะครับว่าเป็นคดีนโยบายของทางรัฐบาลแต่ขอให้ดูความถูกต้องและเหตุผลหน่อย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้ยาเสพติดมันหมดไปจากประเทศเราเหมือนกันนะครับหมดไปจากโลกเลยยิ่งดีครับ  แล้วต่อไปใครจะไปพึ่งศาลได้ละครับ ผมอึดอัดใจมากนะครับที่พบกับเหตุการณ์แบบนี้ ผมก็เลยอยากจะถามทางท่านว่าถ้าผมจะอุทรณ์คดีนี้พอจะมีโอกาสรอดบ้างไหมครับ แล้วจะเป็นแบบไหนครับเพราะตอนนี้ผมงงไปหมดเลยครับ รบกวนท่านหน่อยนะครับ เรื่องราวค่อนข้างจะยาวซักหน่อยแต่ถ้าจะให้ผมเขียนละเอียดจริงๆมันจะยาวกว่านี้อีกครับ ผมเอาแค่คร่าวๆก่อนแล้วกันครับ

    คำตอบ

        กระบวนการของศาลไทยนั้น ได้กำหนดทางออกไว้ให้แก่ผู้ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากศาลไว้แล้ว คือ ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศาลชั้นต้นแล้ว ก็ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ได้  และเมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ ก็ยังอาจฎีกาต่อศาลฎีกาได้อีก

    ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกว่าศาลชั้นต้นไม่ได้ให้ความเป็นธรรมอย่างที่คิด ก็จะลีลออยู่ทำไม รีบอุทธรณ์เสียเพราะการอุทธรณ์โดยฝ่ายจำเลย ไม่ได้ทำให้เสียหายอะไร เพราะมีแต่ดีขึ้นหรือเท่าตัว จะเสียก็ตรงที่ต้องเสียค่าทนายความเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเท่านั้น

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 เมษายน 2548