เป็นของธรรมดาที่คนบางส่วนเห็นว่านายกรัฐมนตรีได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นทั้งคะแนนเสียงจากประชาชนโดยตรง และคะแนนเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็คงจะเกรงไปว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ฟังใคร ก็เลยออกมาท้วงติงไว้ก่อน และคำที่น่าจะใช้ได้ชะงัดดี ก็คือคำว่า "เผด็จการ" เพราะได้ผลถึง ๒ ทาง คือ คนทั่วไปฟังแล้ว ก็ฮือฮาได้ง่าย ส่วนนายกรัฐมนตรีฟังแล้วก็ย่อมต้องโกรธ ถ้าเป็นคนมีหนวด ก็คงถึงขั้นหนวดเต้น ซึ่งก็จะได้สมประสงค์ของคนกล่าวหา เพราะเมื่อโกรธ ก็ต้องตอบโต้ คนกล่าวหาก็จะได้พูดได้ว่า นั่นไงล่ะ เห็นไหม ใครพูดอะไรกระทบซางได้เสียที่ไหน ครั้นถ้าไม่ใส่ใจ ก็จะได้กล่าวหาได้อีกว่านายกฯไม่ยอมรับฟังความเห็นของใคร
อันที่จริง ด้วยความมั่นใจในคะแนนเสียง ความตั้งใจ ความฉับไว และความคิดริเริ่มที่คนตามไม่ค่อยทันของนายกรัฐมนตรี การที่มีคนหวั่นเกรงว่านายกรัฐมนตรีจะเผด็จการ จึงไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลหรือตีตนไปก่อนไข้เสียทีเดียว ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับว่านายกรัฐมนตรีจะมีวิธีการอย่างไรที่จะใช้คนเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ เป็นการลดแรงต่อต้านให้กลับมาเป็นแรงสนับสนุน