น้าชายแท้ๆ ได้จดทะเบีบนให้ผมเป็นบุตรบุญธรรมของน้าซึ่งไม่มีภรรยา ตั้งแต่ปี 2530 และได้รับหลานชายอีกคนซึ่งเป็นลูกน้าสาวผมมาเป็นบุตรบุญธรรมอีกคน ท่านจึงมีบุตรบุญธรรม สองคน ต่อมาผมกับพ่อบุญธรรมขัดใจกันเรื่องผู้หญิง ผมจึงได้ออกจากบ้านมาอยู่กินกับเมียผมซึ่งก็อยู่ไม่ห่างกันมากแต่ผมก็ไม่ได้ไปมาหาสู่ท่านร่วม 10 ปี จึงเริ่มกลับไปหาท่าน แต่ท่านก็เฉยๆเพราะความที่ผมห่างมานาน แต่ก็ไม่เคยเรียกผมไปจดทะเบียนยกเลิกความเป็นบุตรบุญธรรม ปัจจุบันผมเลิกกับภรรยาคนเก่ามาได้ 10 ปีแล้ว แต่เราไม่ได้ไปจดทะเบีบนหย่ากัน เพราะผมก็ไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ที่ไหน และตอนนี้ผมได้มีภรรยาใหม่ มีลูก 1 คน จนเมื่อ 4- 5 เดือนที่ผ่านมา พ่อบุญธรรมผมป่วยหนักเป็นมะเร็งที่สมอง เดินไม่ได้ พูดไม่ค่อยได้ รับรู้ได้เล็กน้อยมาก แต่หมอก็ยังบอกว่าสมองยังใช้ได้ จนเมื่อ 6 ธ. ค 47 ขณะที่พ่อบุญธรรมนอนอยู่ ร.พ. นั้น น้องชายผมซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมอีกคนซึ่งเขาอยู่และดูแลน้ามาตลอด กลัวว่าน้าจะตายโดยยังไม่ได้ทำพินัยกรรม จึงได้นำน้าใส่รถ ร.พ. ทั้งที่นอนไร้สติเพิ่งผ่าสมองมา มาที่อำเภอ โดยมีทนาย และผู้ใหญ่อีก 2 - 3 คนมาเพื่อจะให้ทำพินัยกรรมให้เขาคนเดียว แต่นายอำเภอเห็นสภาพแล้วไม่กล้าเล่นด้วย และก็ขัดผลประโยชน์กันกับพวกที่มาด้วย และที่สำคัญพ่อบุญธรรมมีสติเหลืออยู่น้อยนิดนั้นก็ไม่ยอมให้พิมพ์มือแกขัดขืนเกร็งมือไว้ แต่พูดไม่ได้ นายอำเภอกลัวความผิดจึงทำไม่สำเร็จในวันนี้น แต่พ่อบุญ.ธรรมก็ไม่สามารถจำอะไรได้เพราะสมองไม่รับและไม่จำอะไรอีก จะรับรู้เฉพาะช่วงเวลานั้นๆในบางขณะ การรักษาต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากเงินที่มีอยู่ในธนาคารก็เป็นชื่อพ่อไม่สามารถเบิกได้มาเป็นค่าใช้จ่าย แต่น้องชายผมก็ไปคุยกับผู้จัดการธนาคารเเละให้เขามาดูพ่อที่นอนป่วย ผู้จัดการจึงยินยอมให้น้องน้องเซ็นต์ชื่อเบิกเงินแทนน้าได้ในกรณีพิเศษ แต่น้องชายกลับเบิกเงินมาเกินจำนวนและยักยอกไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายในขณะที่พ่อนอนไร้สติ พ่อจะอยู่ได้อีกไม่นานน้องชายผมกลัวผมจะมาได้ส่วนแบ่งกับเขา ๆ พยายามจับพ่อทำพินัยกรรมโดยเอาทนาย เอานายอำเภอมาทำที่บ้าน ซึ่งผมคิดว่าตอนนี้เขาคงทำเสร็จไปแล้วโดยที่พ่อคงไม่รู้สติ แต่ให้เงินทนายและนายอำเภอมากเพื่อตอบแทน ผมขอถามดังนี้ครับ
1. ผมจะทราบได้อย่างไรว่าพ่อบุญ.ธรรมคัดชื่อผมออกจากการเป็นบุตรแล้วครับ เพราะผมก็อยู่แค่นี้เองพ่อก็ไม่เคยเรียกผมไปจดทะเบีบนยกเลิก เจอกันก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่น้องชายผมบอกว่าน้าเกลียดผมจะให้ไปจดทะเบียนยกเลิก
2. ผมจะใช้สิทธิ์ความเป็นลูกบุญธรรม กลับเข้าไปอยู่ในบ้านพ่อได้ไหมครับ โดยเอาลูกเมียผมไปอยู่ด้วย หรือต้องให้พ่อเอ่ยปากอนุญาติครับ และถ้าผมเข้าไปอยู่ใครมีสิทธิ์ไล่ผมได้ไหม
3. ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าน้องชายได้แอบทำพินัยกรรมแล้วโดยที่พ่อยังมีสติเพียงครึ่งเดียว สามารถทำพินัยกรรมได้ไหมครับ ถ้ามีนายอำเภอ และทนายมาเป็นพยาน
4. ผมจะไปที่ธนาคารคุยกับ ผ.จ. เขาว่านับแต่นี้การเบิกจ่ายเงินในบัญชี ต้องมีชื่อผมเซ็นด้วยทุกครั้ง ได้หรือไม่ มิฉะนั้นผมจเอาผิดกับผู้จัดการ และน้องชาย ที่กระทำการเอง เพระผมก็เป็นลูกเช่นกัน และเป็นพี่ชายด้วย การทำเช่นนี้น้องชายและผู้จัดการผิดไหมครับ
1. ถ้ามีการทำพินัยกรรมจริง คุณก็คงไม่มีทางทราบได้จนกว่าจะมีการเปิดพินัยกรรม
2. คุณโตจนมีลูกมีเมียแล้ว ภาระที่บิดาบุญธรรมีอยู่ต่อบุตรบุญธรรมในเรื่องการอุปการะเลี้ยงดูย่อมหมดไปแล้ว ดังนั้นการที่คุณจะเข้าไปอยู่ในบ้านโดยเจ้าของบ้านไม่ได้อนุญาตไม่ได้ แท้ที่จริงตอนนี้เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูพ่อบุญธรรมที่นอนป่วยอยู่
3. ถ้าผู้ทำพินัยกรรมไม่ได้สติ การทำพินัยกรรมก็ย่อมเป็นโมฆะ เพียงแต่ถ้าเป็นพินัยกรรมฝ่ายเมือง และเจ้าหน้าที่คือนายอำเภอยืนยันว่าในขณะทำพินัยกรรมผู้ทำมีสติสมบูรณ์และรู้เรื่องดี ก็ยากที่จะพิสูจน์ได้ เว้นแต่จะมีหลักฐานทางการแพทย์มายืนยัน
4. ถ้ามีการทำพินัยกรรมไว้และคุณมิได้เป็นผู้รับมรดก คุณก็ไม่มีสิทธิ
ไหน ๆ พ่อบุญธรรมได้อุปการะเลี้ยงดูคุณมาพอสมควร ขณะนี้เขากำลังป่วย ไม่คิดอ่านจะดูแลเขาบ้างหรือ แทนที่จะหมกมุ่นอยู่แต่กับสมบัติของเขา ซึ่งจะมีสิทธิหรือไม่ก็ยังไม่รู้ อันกรรมทั้งหลายนั้นย่อมส่งผลให้แก่ผู้กระทำเสมอ ถ้าทำกรรมดี กรรมนั้นย่อมส่งผลในทางที่ดี ถ้าทำกรรมไม่ดี ก็จะส่งผลในทางไม่ดีเช่นกัน